เมื่อแวดวงการเมือง เจอคลื่น “ดิสรัปชั่น”

เห็น “ม็อบ” นักเรียน-นักศึกษาในวันนี้แล้ว

บรรดานักเคลื่อนไหวการเมืองรุ่นเก่าทั้งหลายต่างยอมรับว่าตำรา “ม็อบ” ในอดีตไม่สามารถนำมาใช้วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของเด็กยุคนี้

ฉีกทุกกฎ ทำลายทุกกติกา

ตั้งแต่การนำการวิ่ง “แฮมทาโร่” มาใช้ในการเคลื่อนไหว

หรือดึง “แฮร์รี่ พอตเตอร์” มาร่วมด้วย

จนถึงการใช้เพลงเชียร์อย่างเพลง “แจว” มาเป็นเพลงในม็อบ

หรือ “ลามะลิลา” ก็ปรับเนื้อใหม่

เอามาใช้ในทางการเมือง

แกนนำ “ม็อบ” ในอดีตอย่าง “เสกสรรค์ ประเสริฐกุล-พล.ต.จำลอง ศรีเมือง-สนธิ ลิ้มทองกุล-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ-สุเทพ เทือกสุบรรณ”

เจอ “ม็อบ 2020” เข้าไป

ถึงขั้น “งงในงง”

ถ้าแวดวงธุรกิจพูดถึงกระแส “ดิสรัปชั่น” ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

แวดวงการเมืองก็เจอคลื่น “ดิสรัปชั่น” เช่นเดียวกัน

วันที่นักเรียนนัดชู 3 นิ้วตอนเคารพธงชาติ และผูกริบบิ้นสีขาว

ไม่มีนักข่าวคนไหนรู้ล่วงหน้ามาก่อน

และที่สำคัญไม่ได้เกิดขึ้นเพียงโรงเรียนเดียว

แต่กระจายไปทุกโรงเรียนทั่วประเทศ

ทั้งหมดใช้การประสานผ่านโซเชียลมีเดีย

หรือ “ม็อบเยาวชนปลดแอก” หรือ “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” รูปแบบการเคลื่อนไหวก็ใช้ “โซเชียลมีเดีย” เป็นหลัก

ใช้กองทัพทวิตเตอร์พา “ทัวร์” ไปลงตามจุดต่างๆ

ถ้า กปปส.ใช้ “ม็อบ” ไปกดดันเป่านกหวีดตามที่ต่างๆ

เด็กยุคนี้ก็ชวนคนไปกดดันตามโซเชียลมีเดียของฝ่ายตรงข้าม

ตัวอยู่กับที่ ไม่ต้องไป

ไปแต่ “ความคิด”

แต่ที่เด็ดที่สุด คือ การระดมทุน

ถ้า “สตาร์ตอัพ” ใช้วิธีคิดโครงการแล้วนำไปพรีเซนต์กับนักลงทุนเพื่อระดมทุน

หรือทำ “คลาวด์ฟันดิ้ง”

“ม็อบ” ยุคนี้ก็เช่นกัน

ไม่ต้องมีท่อน้ำเลี้ยงจากพรรคการเมืองหรืองบฯ ลับจากใคร

แต่เปิดบัญชีอย่างเปิดเผยให้คนที่เห็นด้วยร่วมสนับสนุนทางด้านการเงิน

เหมือนกับ “คลาวด์ฟันดิ้ง”

“บ.ก.ลายจุด” หรือ “สมบัติ บุญงามอนงค์” เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้

แจ้งบัญชีของแกนนำ และกลุ่มต่างๆ อย่างเปิดเผย

ใครสนใจเป็น “แม่ยก” ก็โอนเงินได้เลย

เหมือน “สตาร์ตอัพ”

ถ้าเชื่อมั่นก็โอนมา

รูปแบบการเคลื่อนไหวของ “เด็กรุ่นใหม่” จึงเป็นเรื่องที่ยากจะคาดคะเน

ไร้กรอบ

และไร้ “เพดาน”