ประยุทธ์ ขอ อย่าเข้าป่าหาเห็ด-ล่าสัตว์ หวังลดไฟป่า ชี้ อาหารข้างนอกมีให้กินมากมาย

“ประยุทธ์”มอบนโยบาย 17 ผวจ.ภาคเหนือ ย้ำแก้ปัญหาไฟป่า-หมอกควันทุกมิติ ชื่นใจเห็นการสืบสานต่อยอดฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ขอร้องอย่าเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์หรือหาเห็ดอีก “ชี้ ”อาหารข้างนอกมีมากมายแล้ว

เมื่อวันที่ 24 ก.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมคณะ เดินทางมายังห้องดอยตุง โรงแรม เดอะ รีเวอร์ รีบาย กะตะธานี ต.เวียง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เพื่อประชุมเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 17 จังหวัดภาคเหนือ

โดยมีผู้แทนเครือข่ายเยาวชนจิตอาสาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาจ.เชียงรายนำเสนอโครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ “ฝายตามแนวพระราชดำริ”โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอบคุณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลเรือน ตำรวจ ทหาร รวมถึงเยาวชนที่มีข้อเสนอแนะในวันนี้ดูแล้วชื่นใจที่บอกว่าจะสืบสานรักษาต่อยอดไปเรื่อยๆ นั่นแหละคือประเทศไทยของเรา ปัญหาทุกปัญหาแก้ได้หมด ถ้าเราช่วยกันแก้ต่อๆกันไป ขณะที่การแก้ไขปัญหาหมอกควันไม่ใช่แค่การดับไฟแต่ต้องดูทุกมิติ

“สิ่งสำคัญเราต้องขจัดต้นตอของการเผาป่าที่เกิดจากวิถีชีวิตของชาวบ้าน หาพื้นที่ให้ชาวบ้านทำการเกษตร ขณะที่ต้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ทั้งนี้ เป้าหมายตัวชี้วัดด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปี 2564 คือ ต้องลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะส่งเสริมเทคโนโลยีเพื่อไปดูเรื่องการขุดแหล่งน้ำต่าง ๆ ขณะที่การมีส่วนร่วมของประชาชนนั้น ต้องให้เขารับรู้ว่าทำแล้วได้อะไร โดยจะต้องสร้างการรับรู้และความตระหนักถึงผลกระทบจากปัญหาหมอกควันและไฟป่า ทั้งทางเศรษฐกิจ และสุขภาพของประชาชน ผ่านภาษาถิ่น ภาษาชาวบ้านด้วย และขอให้ทุกจังหวัดประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลดปริมาณเชื้อเพลิงในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า และจัดตั้งจุดเฝ้าระวังไฟป่า โดยร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่ เครือข่ายจิตอาสา และประชาชนในพื้นที่

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีแนะนำจังหวัดให้นำเทคโนโลยีแอพพลิเคชันการดับไฟป่ามาใช้ ให้หน่วยงานในพื้นที่ร่วมมือกัน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดบริหารงานแบบ Single Command ให้มีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอบคุณทุกหน่วยงานและทุกองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยส่งเสริมให้มีการทำงานร่วมกันในทุกระดับและทุกขั้นตอน

นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภายหลังการมอบนโยบายว่า ได้เน้นย้ำในเรื่องการดับไฟป่า การทำฝาย รวมทั้งการปลูกป่าเพิ่มเติม ทุกอย่างต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน โดยได้มอบนโยบายให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ แก้ปัญหาในเรื่องการดับไฟป่าซึ่งมีเกิดขึ้นทุกปี ซึ่งทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการงานปฏิบัติร่วมกัน ทั้งในส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น รวมทั้งประชาชนในพื้นที่ และวันเดียวกันนี้ได้ฟังข้อเสนอแนะจากเยาวชนในพื้นที่ซึ่งเป็นการเสนอแนะในสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์รัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุน ทั้งนี้เรามุ่งเน้นในเรื่องการแก้ปัญหาการเผาป่า การกำจัดวัชพืช รวมทั้งดูแลภาคการขนส่งด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมเปลี่ยนผ่านการคมนาคมขนส่ง ทุกอย่างต้องเตรียมความพร้อมทั้งหมด

“ถ้าเราสามารถแก้ปัญหาของเราได้สำเร็จ หรืออย่างน้อยสำเร็จมากขึ้นตามลำดับ ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีในอนาคต ขณะเดียวกันเราต้องร่วมมือกับต่างประเทศเพราะหากพูดถึงปริมาณก็ยังมีปัญหาอยู่มาก จึงต้องมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของเราให้กับต่างประเทศเพื่อจะได้ลดพื้นที่ที่เป็นปัญหาลงได้บ้างเพราะวันนี้มวลอากาศยังสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้ วันนี้ขอขอบคุณจิตอาสา ภาคประชาชน ผู้ว่าราชการจังหวัด และท้องถิ่น ทั้งหมดต้องร่วมมือกัน เราต้องใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ เนื่องจากวิถีชีวิตของคนไทยโดยเฉพาะเกษตรกรยังคงอยู่ดังเดิมก็ต้องค่อยๆปรับแก้ไป

“สิ่งสำคัญ อย่าเข้าป่าเพื่อที่ไปหาสัตว์ป่า หรือหาเห็ดอะไรกันอีก เพราะอาหารข้างนอกมีรับประทานเพียงพออยู่แล้วไม่ต้องเข้าไปหาในป่า ถ้าคิดอยากจะทำ ก็ขอให้ไปคิดเรื่องการเพาะเห็ดในแปลงพื้นที่ชุมชน หรือป่าชุมชน ขอให้ใช้ประโยชน์ในลักษณะนี้ ขอร้องว่าอย่าไปทำลายป่า เพราะบางครั้งการเผาเพียงเล็กน้อยก็จะลุกลามจนไม่สามารถดับได้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว