ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 21-27 สิงหาคม 2563

ขอแสดงความนับถือ

 

“อาฉวนเริ่มต้นเป็นคนธรรมดา

คนธรรมดาควรจับงูเหมือนคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน แต่เขาไม่ทำ เขาอยากเป็นวิชาชีพคือหมอ

ในบางเรื่องเขาอยากเป็นข้าราชการคือจอหงวน

แต่เขามักจะไปเห็นความฉ้อฉลของชนชั้นสูงกว่า คือ นักบวช นายพล เสนาบดี ไปจนถึงพระราชา

กลายเป็นความขัดแย้งที่เขาต้องเลือก

ระหว่างความก้าวหน้าส่วนตน

หรือกระทำการบางอย่างตามคุณธรรม เพื่อคุณธรรม โดยคุณธรรม

หากมิใช่คุณธรรมก็จะเป็นเรื่องความรัก

แม้ว่าจะเป็นความรักต่อชนชั้นต่ำก็ตาม

ใช่แล้ว แม้ว่าปีศาจจะมีฤทธิ์เดช แต่พวกมันเป็นชนชั้นต่ำวันยังค่ำ

พวกมันจนและชั่ว สูบบุหรี่ กินเหล้า เมาแล้วขับ ไม่รักษาสุขภาพ

แล้วยังจะมาเบียดบังงบประมาณด้านสุขภาพ แย่งชิงทรัพยากรจากข้าราชการ รวมทั้งวิชาชีพต่างๆ

การต่อสู้ระหว่างพวกปีศาจกับชาวบ้านจึงมักจะมิได้ยุติแค่ที่ชาวบ้าน

แต่มีองค์กรเหนือชาวบ้าน เช่น สอสอสอ หรือคณะสงฆ์ เข้าร่วมขบวนการไล่บี้ปีศาจเหล่านี้ด้วยการชี้เป็นชี้ตายว่าใครชั่ว

ทั้งนี้ ยังไม่นับว่าเรื่องนี้กำหนดให้ชาวบ้านจับงูขายนักบวชเสียอีก อาฉวนจึงต้องลำบากสองต่อว่าจะทำอย่างไรดี…”

 

เรื่องข้างต้น ยังกับอ่านบทความการเมืองสักเรื่อง

แต่จริงแล้ว เป็นบางส่วนในคอลัมน์การ์ตูนที่รัก

ที่ฉบับนี้ นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ พาเราไปผจญภัยในโลกของนางพญางูขาว

หนังการ์ตูนจีน “ดัง” ที่ทำรายได้ไปเกือบ 500 ล้านหยวน เท่ากับเกือบ 2,000 ล้านบาท

ว่าที่จริงจะอ่านหรือดู เอาสนุกแบบการ์ตูนทั่วๆ ไปก็ได้

แต่จะอ่านหรือดูแล้วไปเทียบเคียงกับเรื่องอื่น โดยเฉพาะการเมือง อย่างที่ นพ.ประเสริฐชี้ชวน ก็ไม่ขัดเขิน

แถมได้แง่มุมอันเฉียบคมด้วย

 

การ์ตูนจึงเป็นได้ทั้งอารมณ์ขัน อารมณ์กวน อารมณ์คัน

และอารมณ์จริงจังเครียดขึง

ซึ่งทั้งทุกประเด็นข้างต้น ล้วนปรากฏอยู่ในมติชนสุดสัปดาห์ทั้งสิ้น

ไม่ว่าการ์ตูนิสต์ชั้นครูอย่างอาวัฒน์

รวมถึง จุก ชายคา, โกหน่อง, พล, รงค์, ศล, อ้อ, นายสะอาด, จิรบูล, ต๋อง, กฤช เหลือลมัย, SAND, SATTITA, P88

และอรุณ วัชระสวัสดิ์

ที่เพิ่งได้รับการคัดเลือกจากกองทุนศรีบูรพา

เป็นผู้รับรางวัลศรีบูรพา ประจำปี 2563

ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง

เพราะมีการ์ตูนิสต์ไม่กี่คนที่ทะลุเพดานไปยืนในแถวหน้ารับรางวัลกองทุนศรีบูรพา คู่กับนักเขียน กวี

ที่ผ่านมา อาจมีผู้รู้สึก การ์ตูนคือน้ำจิ้มในหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสาร

ยากที่จะผงาดยืนเทียบเคียง “อาหารจานหลัก”

แต่ “อรุณ วัชระสวัสดิ์” ก็เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ทะลุเพดานขึ้นมาได้

 

“เมื่อทราบข่าวก็รู้สึกมึนงง เพราะ “ศรีบูรพา” เป็นรางวัลที่ดูยิ่งใหญ่ คนที่ได้รับรางวัลนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนสำคัญทั้งนั้น คนที่ได้รับรางวัลมาก่อนหน้านี้ก็เป็นคนที่ผมเคารพนับถือ รู้สึกดีใจที่ทางกองทุนศรีบูรพาเห็นความสำคัญของนักเขียนการ์ตูน”

“ดีใจที่ได้รับรางวัล เพราะมีความเลื่อมใสคุณกุหลาบ สายประดิษฐ์ หรือศรีบูรพาอยู่มาก ท่านเป็นนักประชาธิปไตย เป็นนักเขียน นักหนังสือพิมพ์คนสำคัญของเมืองไทย”

“นักเขียนการ์ตูนก็เหมือนนักเขียนบทความ กล่าวคือ ผมจะเอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เพราะนักการเมืองมาแล้วก็ไป รัฐบาลมาแล้วก็เปลี่ยน แล้วก็ไป แต่ประชาชนยังอยู่ ฉะนั้น อะไรที่กระทบกับประชาชน ผมจะขอเป็นปากเสียงให้ นี่เป็นสิ่งที่ยึดถือมาตลอดในการทำงาน”

คือความรู้สึกของเจ้าของรางวัลศรีบูรพาปีนี้

ที่ยืนยันถึงความสำคัญของ “น้ำจิ้ม”

ทั้งที่โลดแล่นอยู่ใน “มติชนสุดสัปดาห์”

รวมถึงการ์ตูนน่ารัก “แฮมทาโร่” ที่โลดแล่นเขย่าการเมือง ณ ถนนราชดำเนิน!