จรัญ พงษ์จีน : มองความราบรื่นรัฐบาล “ประยุทธ์” ผ่านปรับ ครม.-โผทหาร

จรัญ พงษ์จีน

รายชื่อคณะรัฐมนตรี “ตู่ 2/2” ไม่ว่าจะอยู่ในขั้นตอนทูลเกล้าฯ หรือตรวจสอบประวัติ-คุณสมบัติ ไม่น่าจะผิดไปจากคาดหมาย คือ 1. “นายปรีดี ดาวฉาย” เป็นรองนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 2. “นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

3. “นายอนุชา นาคาศัย” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 4. “นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 5. “นายสุชาติ ชมกลิ่น” เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ 6. “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน

ช่วงเกิด “สุญญากาศ” ภายหลัง “กลุ่มสี่กุมาร” ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างใสสะอาด ด้วยการประกาศไขก๊อกจากพรรคพลังประชารัฐและตำแหน่งรัฐมนตรีในกาลต่อมา มีเหล่านักเลงดีใน พปชร.ตีฆ้องร้องป่าวเปิดศึก หมายยึดหัวหาดเก้าอี้ทองคำบางตัวกันจ้าละหวั่น พัลเก ป่วนปีกอยู่มั้ง

แต่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ที่คนการเมืองดูถูกดูแคลนมาตลอดว่าชั้นเชิงอ่อนหัด “ฟันน้ำนม” เพิ่งขึ้น หารู้ไม่ว่า 6 ปีที่อยู่ในตำแหน่งทั่นผู้นำ ผ่านศึกสงครามมาหลายสนามรบ ประสบการณ์โชกโชนขึ้น การเมืองสอนให้ฉลาด เลย “นิ่ง” มากขึ้น

ระดับเจ้าไม่เคลื่อน ข้าไม่ขยับ ถ้าเจ้าเคลื่อน ข้าต้องเร็วและเหนือกว่าเจ้า ด้วยประการดังกล่าว “บิ๊กตู่” สามารถสยบเขี้ยวลากดินทั้งหลายแหล่ใน “พปชร.” ได้อยู่หมัด เงียบเป็นเป่าสากทุกมุ้ง

สามารถทำคลอดได้ ครม. “ตู่ 2/2” สบายแฮ บรรดา “ซาตาน” กบดานเงียบกริ๊บ

จะมีส่ายหัวเดี๊ยะลับหลังอยู่บ้าง ก็กรณี “อาจารย์แหม่ม นางนฤมล” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีข่าวว่า ได้กระโดดค้ำถ่อจากตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็น รมช.แรงงาน

“นางนฤมล” ถูกปรามาสสารพัด ทั้งๆ ที่เมื่อโฟกัสโปรไฟล์ดู ปรากฏว่าไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ตำแหน่งในพรรคพลังประชารัฐต้นสังกัด มีสถานะถึงเหรัญญิกพรรค ตอน พปชร.จัดแถวบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. “นาง” อยู่ลำดับที่ 5 ของพรรค แสดงว่าต้องมีความสำคัญเบอร์ต้นๆ

จุดผิดพลาดมหันต์ พลันที่ พปชร.ได้เป็นแกนนำฟอร์มรัฐบาล “นฤมล” ได้ประกาศลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไปรับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯ ซึ่งปกติไม่มีใครเขาทำกัน เพราะรัฐธรรมนูญมิได้กำหนด

ขณะที่ประวัติการศึกษา ที่ควรจะนำมาเป็น “จุดแข็ง-จุดขาย” ไม่ใช่แค่ “ตาโต” เพราะสำเร็จการศึกษาปริญญาตรีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนบินไปศึกษาต่อระดับปริญญาโท วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา

และปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต จากวิทยาลัยวอร์ตัน แห่งวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐเมริกา

“ต้นทุน” ทั้งใน พปชร. และประวัติทางการศึกษา ระดับด๊อกเตอร์ ไม่ใช่ห้องแถว จึง “เหนือกว่า” รัฐมนตรีในรัฐบาล “ตู่ 2/2” อีกจำนวนไม่น้อย แต่ “เธอ” คงดูละครไทยมากไป เลยถูกจับไปขาย “บทร้าย” และกระแสสังคมกลับตอบรับซะด้วย

หวังว่าการมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องกู้ชื่อเสียงเป็นโฆษกรัฐบาลที่แย่ แต่สามารถเป็นรัฐมนตรีที่ดีมีชื่อเสียงได้

 

โผปรับ ครม. “ประยุทธ์ 2/2” ลงตัวง่ายดาย เป็นไปด้วยความลื่นไหล ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน มาข้ามห้วยไปดูโผโยกย้าย 4 เหล่าทัพ ที่ปีนี้ระนาบ “ผู้บัญชาการ” กอดคอสามัคคีเกษียณอายุราชการพร้อมกัน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีงานใหญ่ต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายน

5 ตำแหน่งหัวแถว “คนมีสี” ที่ถึงคิวอำลายุทธจักรประกอบด้วย 1. “พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด 2. “พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ผู้บัญชาการทหารบก 3. “พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” ผู้บัญชาการทหารเรือ 4. “พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์” ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ 5. “พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ล่าสุดมีข่าวแพลมๆ ว่าผู้นำทัพสีกากีคนใหม่ เคาะล่วงหน้ากันเรียบร้อยแล้ว หวยออกที่ “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผงาดขึ้นแท่น ผบ.ตร.รับไม้ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” ที่จะเกษียณในวันที่ 30 กันยายน

ขณะที่ส่วนอื่นๆ มีโผหลุดมากระจายข่าวอยู่ตลอดระยะเหมือนกันว่า ลงตัวเรียบวุธทั้งหมด

จริงอยู่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นาทีนี้ อำนาจบารมีล้นหลาม สามารถ “สั่งย้ายภูเขาได้” ดูจากการแก้เกมในพรรค พปชร. พลิกฝ่ามือเดียว “เงียบกริบ” ทุกกลุ่ม

แต่โลกกำลังตาลปัตร ขณะที่โผทหาร “ศูนย์อำนาจเก่า” มีบ้าง “บางตำแหน่ง” ที่ไม่ได้ดั่งใจ

หากให้โฟกัส จับกระแส โผโยกย้ายผู้นำเหล่าทัพ “กองทัพบก” เป็นไฮโลมากกว่าใครทุกฤดูกาล

ตามข่าวค่อนข้างคอนเฟิร์มล้านเปอร์เซ็นต์แล้วว่า ผบ.ทบ.คนใหม่ที่จะผงาดมานั่งแป้นต่อจาก “บิ๊กแดง” คือ “พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” ขยับตามไลน์จากผู้ช่วย ผบ.ทบ.

“บิ๊กบี้” เหลือราชการอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.อีก 3 ปี จบเตรียมทหาร หรือ ตท.22-จปร.รุ่น 33 เส้นทางรับราชการเติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 2 รอ. กรมทหารราบที่ 31 รอ. กองพลที่ 1 รอ. รอง ผบ.ร.31 รอ. ผบ.ร. 31 รอ. และ ผบ.พล.1 รอ.

เป็นทหารลูกผสมระหว่าง “บูรพาพยัคฆ์-หมวกแดง-วงศ์เทวัญ”

ช่วง 2-3 ปีหลังขยับตัวรวดเร็วมาก จาก ผบ.พล.1 เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วขึ้นดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ขยับเข้าไลน์ “5 เสือ” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

โดยบิ๊กบี้จะเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2566 ตรงกับปีครบวาระ 4 ปีของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” สมัยที่ 2 พอดี หากอยู่ครบเทอม

แม้ “พล.อ.ณรงค์พันธ์” ชีวิตราชการจะเฟื่องฟูสุดขีดช่วง 5 ปีหลัง สมัยที่ “บิ๊กตู่” เรืองอำนาจ แต่ด้วยวัยที่ต่างกันแบบห่างลิบ 10 ปี 10 รุ่น ความรัก ความผูกพัน จึงไม่ได้ใกล้ชิดกันมากมายนัก

จริงอยู่ ทหารหาญต้องฟังคำสั่งตามสายบังคับบัญชา “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายทั้งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่ดังที่บอก ด้วยช่องว่างของ “วัยและรุ่น”

จึงเกิดความต่างกับผู้บัญชาการทหารบกคนก่อนๆ