เครือข่ายต้านค้ามนุษย์ จี้อัยการแจงสั่งไม่ฟ้อง 2 ผู้ต้องหาวิคตอเรียซีเครท ไม่ไว้ใจ “เนตร นาคสุข”

“รณสิทธิ์” พร้อมเครือข่ายต้านค้ามนุษย์ จี้อัยการแจงสั่งไม่ฟ้อง 2 ผู้ต้องหาวิคตอเรียซีเครท ไม่ไว้ใจ “เนตร นาคสุข” เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบ ลั่นขบวนการฟอกคนเกิดมาแล้วหลายคดีไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์ และ น.ส.ชลีรัตน์ ทิมบุตร ผู้ประสานงานเครือข่าย 13 องค์กรต่อต้านการค้ามนุษย์ เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามผลการสอบสวนกรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ สองผู้ต้องหาคดีอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ที่สำนักนายกรัฐมนตรีส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอัยการ โดยมีนายเนตร นาคสุข เป็นประธานคณะทำงานตรวจสอบ พร้อมยื่นทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งหลบหนีคดีผ่านมากว่า 2 ปี ขอให้ติดตามตัวกลับมาดำเนินคดี

น.ส.ชลีรัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ไปยื่นหนังสือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากนั้นได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจสั่งไม่ฟ้องนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ สองผู้ต้องหาคดีวิคตอเรียซีเครท ซึ่งเมื่อวันที่ 26 ก.พ.2563 คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงของอัยการ ได้ให้ผู้แทนเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ไปให้ถ้อยคำ ในวันนี้องค์กรเครือข่ายปฏิบัติการต่อต้านการค้ามนุษย์ 13 องค์กร จึงมาสอบถามความคืบหน้า ทราบว่าประธานคณะทำงานตรวจสอบคือ นายเนตร นาคสุข อธิบดีสำนักงานอัยการศาลสูง จึงขอทราบผลการสอบสวนดังกล่าว เพราะเรากังวลใจในหลายคดีที่ปรากฏเป็นข่าวว่าอัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่นคดี บอส-วรยุทธ ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต

ด้าน นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายคือ นางนิภาและนายธนพล ทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของสถานบริการวิคตอเรียซีเครท หลุดพ้นจากคดีแล้ว เหมือนคดีบอส-วรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ที่จรดปากกาสั่งไม่ฟ้อง ทั้งที่ผู้ต้องหาเหล่านี้ยังไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อัยการยังไม่มีโอกาสได้เข้าไปชี้แจงต่อสู้ในชั้นศาล แต่สั่งไม่ฟ้องไปเสียก่อน หลุดจากคดีเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมถึงสั่งไม่ฟ้อง ต้องการแค่เหตุผลให้อธิบาย ถ้ามีพยานหลักฐานที่ชัดเจนรับฟังได้ โปรดนำพยานหลักฐานเหล่านั้นมาให้เราและประชาชนคนไทยได้เห็น ที่ผ่านมาเราได้ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ได้มีการตั้งคณะทำงานอัยการขึ้นมาตรวจสอบ ได้ทราบภายหลังว่าหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบการใช้ดุลยพินิจของอัยการในการสั่งไม่ฟ้องทั้งสองคือ นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ส่วนตัวตนไม่ไว้ใจที่ท่านเข้ามาเป็นหัวหน้าตรวจสอบ เราจึงยื่นหนังสือเพื่อขอผลการตรวจสอบที่ชัดเจน น่าจะออกแล้ว แต่ทางเรายังไม่ได้รับ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายกำพลที่ยังหลบหนีอยู่ คดีถึงไหนอย่างไร นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ตนรู้และคนไทยรู้คือถูกออกหมายจับ อยู่ในขั้นตอนหลบหนี ยังไม่นำตัวผู้ต้องหานี้มาขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรมในชั้นศาล แต่เรากลัวว่าวันหนึ่งอัยการจะสั่งไม่ฟ้อง เราจึงมายื่นขอติดตามผลการดำเนินคดีของนายกำพลด้วยว่าไปถึงไหนแล้ว พยายามจะนำตัวเข้ามาดำเนินคดีหรือไม่

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ทางมูลนิธิได้ระบุมีการยุติการสอบสวน คำว่ายุติการสอบสวนกับการสั่งไม่ฟ้องแตกต่างกันอย่างไร นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า คำว่าการยุติการสอบสวน คือยุติข้อสงสัยที่ได้สั่งให้สอบสวน เป็นคนละส่วนกับการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา แต่การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่มีความผิดจริง บุคคลที่ยุติการสอบสวนหรือสั่งไม่ฟ้องจะต้องออกมาตอบคำถามให้ได้ว่ายุติหรือสั่งไม่ฟ้องเพราะเหตุใด จะต้องมีคนรับผิดชอบ ไม่ใช่สั่งไม่ฟ้องใครก็ได้แล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดง่ายๆ มันมีขบวนการฟอกคน ทำให้คนไม่ดีเป็นคนดี ทำให้ผู้ต้องหาเป็นผู้บริสุทธิ์ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาหลายคดีแล้ว ขบวนการฟอกคนมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาอยู่ในขบวนการในการช่วยฟอกให้บุคคลพ้นผิด เราจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับคดีวิคตอเรียซีเครทอีกเป็นอันขาด

เมื่อถามว่าอัยการที่สั่งไม่ฟ้องคดีนี้กับหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบเป็นนายเนตรคนเดียวกันหรือไม่ นายรณสิทธิ์ ระบุว่า เป็นคนละคน

และถามถึงความไม่ไว้ใจนายเนตรด้วยเหตุใด นายรณสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่คนไทยทราบ ส่วนตัวได้รับข่าวสารในการสั่งไม่ฟ้องคดีผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ซึ่งข้อเท็จจริงกับการสั่งไม่ฟ้องมันมีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว ท่านสั่งไม่ฟ้องท่านควรออกมาแถลงต่อประชาชน สังคมให้เข้าใจเหตุผล ถ้าทำโดยสุจริตต้องแถลงอธิบายต่อประชาชนได้ แต่ปัจจุบันท่านไม่ออกมา พอทราบว่าท่านเป็นหัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบ ตนยิ่งมีความไม่ไว้วางใจ

ขณะที่ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยหลังรับเรื่องว่า เมื่อสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับเรื่องแล้ว จะลงสารบบรับเรื่องตามระเบียบของราชการ หลังจากนั้นจะเร่งดำเนินการเสนอให้อัยการสูงสุดทันที รวมทั้งเสนอผู้บริหารดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป หากมีความคืบหน้าประการใดจะนำเรียนให้ผู้ร้องและสื่อมวลชนทราบ