ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
ยุทธบทความ ของสุรชาติ บำรุงสุข ใน “มติชนสุดสัปดาห์” ฉบับนี้
นำเสนอซีรี่ส์ว่าด้วย
“88 ปีระบอบทหารไทย จาก 2475-2488”
โดยเกริ่นนำไว้ว่า
“…หากย้อนอดีตกลับไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศให้เป็นประชาธิปไตยในปี 2475 แล้ว
คงต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีอายุยาวนานมาถึง 88 ปี
และขณะเดียวกันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะที่ ‘ล้มลุกคลุกคลาน’ ของการพัฒนาการเมืองไทย
ที่มีความมุ่งหวังว่าการเปลี่ยนแปลงในปี 2475 จะเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘กระบวนการสร้างประชาธิปไตยไทย’ ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นพื้นฐานของการสร้างระบอบการเมืองใหม่ของประเทศ
แต่ผ่านไป 88 ปีแล้ว ความมุ่งหวังดังกล่าวไม่ประสบความสําเร็จเท่าที่ควร
และอาการล้มลุกคลุกคลานของการเมืองจากปี 2475 จนถึงปัจจุบัน กลับเป็นความจริงของสถานะการเมืองไทยอย่างเห็นได้ชัด
จนต้องยอมรับปัญหาสำคัญว่าอุปสรรคใหญ่ของการพัฒนาประชาธิปไตยไทยในรอบ 88 ปี คือ การรัฐประหารและการคงอยู่ของระบอบทหารในการเมืองไทย… ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ทหารกลายเป็น ‘ตัวแสดงหลัก’
เช่นเดียวกับที่รัฐประหารก็เป็น ‘กฎ’ มากกว่า ‘ข้อยกเว้น’ ในการเมืองไทย
ดังนั้น บทความนี้จะทดลองสำรวจ 88 ปีของทหารในการเมืองไทยอย่างสังเขป…”
–น่าสนใจไหมเล่า
มีเกร็ดที่น่าสนใจของซีรี่ส์ตอนที่ 1 นี้
นั่นคือ แม้ทหารในยุคปัจจุบันจะรู้สึกอย่างไรต่อคณะราษฎร โดยเฉพาะสายพลเรือน ที่นำโดยนายปรีดี พนมยงค์ ก็ตาม
แต่ก็ต้องไม่ลืมว่า คณะสายพลเรือน ซึ่งเป็นปีกที่นิยมสัมพันธมิตร อันได้นำไปสู่การจัดตั้ง “ขบวนการเสรีไทย” ในเวลาต่อมา
ได้มีส่วนปกป้องกองทัพไทยเอาไว้อย่างปฏิเสธไม่ได้
กล่าวคือ หากปล่อยให้รัฐบาลจอมพล ป. (อ่าน 123 ปี จอมพล.ป. พิบูลสงครามฯ ที่หน้า 14) ขับเคลื่อนประเทศไปภายใต้ธงลัทธิฟาสซิสต์และกองทัพญี่ปุ่น
โดยปราศจากการถ่วงดุลของขบวนการเสรีไทย
ประเทศไทยน่าจะถูกปฏิบัติในฐานะ “รัฐผู้แพ้สงคราม”
และถูกควบคุมโดยกองทัพสัมพันธมิตร ไม่ต่างกับเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น
ผู้นำไทยอาจจะจบชีวิตลงด้วยคำตัดสินของศาลอาชญากรสงคราม
กองทัพไทยจะถูกปลดอาวุธ (ความหมายคือการยุบกองทัพเดิม)
และสัมพันธมิตรจะเข้ามาจัดตั้ง “กองทัพไทยใหม่”
ซึ่งไม่รู้ว่า กองทัพไทยใหม่นั้นจะเป็นอย่างไร
จะดำรงเกียรติยศ และศักดิ์ศรี ที่สืบเนื่องมายาวนานของกองทัพไทยได้หรือไม่
แต่เมื่อประเทศไม่เป็นผู้แพ้สงคราม
อันเป็นผลจากการดำเนินงานของขบวนการเสรีไทย
โดยเฉพาะต้องให้เครดิตกับนายปรีดีที่เข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร จนพาประเทศไทยรอดพ้นจากสงครามมาได้
สุรชาติ บำรุงสุข ทิ้งท้ายไว้ให้คิด ว่า
“ผู้นำทหารไทยในยุคหลังอาจจะหลงลืมว่า
หากปราศจากบทบาทของอาจารย์ปรีดีในความสัมพันธ์กับฝ่ายสัมพันธมิตรแล้ว
กองทัพไทยแบบเดิมอาจจะสิ้นสภาพไปแล้วกับการสิ้นสุดของสงคราม
แต่ก็น่าสนใจว่าถ้าสัมพันธมิตรตัดสินใจเข้าควบคุมประเทศในยุคหลังสงครามแล้ว
กองทัพไทยใหม่จะมีรูปลักษณ์เช่นไร
แล้วทหารจะยังสามารถก่อรัฐประหารได้อีกหรือไม่?”
เป็นโชคร้ายหรือโชคดีของประเทศไม่ทราบ ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่ได้เข้ามา
อันนี้ สุรชาติ บำรุงสุข ไม่ได้ถาม
แต่ “มติชนสุดสัปดาห์” ปล่อยคำถามไปตามสายลม