อดีตเลขาฯ สมช.ซัด รบ.ต่อ พ.ร.ก.ไม่เลิก ถนัดใช้ กม.พิเศษ นักลงทุนที่ไหนจะเชื่อมั่นมาลงทุน

อดีตเลขาฯ สมช.ซัด รบ.ต่อ พ.ร.ก.ไม่เลิก ถนัดใช้กม.พิเศษ แล้วนักลงทุนที่ไหนจะเชื่อมั่น กล้ามาลงทุน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายพิเศษ ให้ความคุ้มครองไม่ให้ฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ในทางปกครองได้ สามารถใช้อำนาจทับซ้อนอำนาจของกฎหมายปกติ จึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำของการปฏิบัติหน้าที่ เป็นกฎหมายที่ก่อให้เกิดการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ฉะนั้น จะพิจารณาใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนเป็นหลัก จึงต้องรอบคอบและนำมาใช้บังคับให้ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งการต่อประกาศต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลแล้วมาโพนทะนาว่าหากนักศึกษาจะชุมนุม ก็ให้ปฏิบัติตามกฎหมายการชุมนุมฯได้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นกฎหมายพิเศษ กำหนดกรอบบังคับวิถี พ.ร.บ.การชุมนุมฯเอาไว้ เป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่เลือกใช้ดุลพินิจได้ จึงเลือกใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาคุ้มครองตัวเอง ไม่เสี่ยงเลือกใช้อำนาจตามกฎหมายปกติอยู่แล้ว สักแต่พูดไปเรื่อยแต่มันปฏิบัติไม่ได้

“ยิ่งมามีเหตุองค์การค้าคุรุสภา หน่วยงานของรัฐ ประกาศเลิกจ้างพนักงานร่วม 1,000 คน แทนที่รัฐบาลจะเป็นแบบอย่างประคับประคองการจ้างแรงงาน ชะลอการเลิกจ้างไว้ก่อนก็ไร้ความสามารถการบริหารจัดการ ยิ่งรัฐบาลมาประกาศใช้อำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเกินพอดี ใช้อำนาจกฎหมายพิเศษแทรกแซงอำนาจปกติ ซึ่งคุ้มครองเจ้าหน้าที่ไม่ให้ถูกฟ้องร้องได้ แล้วนักลงทุนหน้าไหน ไม่ว่าไทยหรือเทศ จะกล้ามาลงทุน เพราะไม่เชื่อมั่นกับการบังคับใช้กฎหมาย ที่ให้อำนาจพิเศษ สุ่มเสี่ยงกับหลักเกณฑ์ที่ไม่แน่นอน ไม่เป็นปกติ เศรษฐกิจมันก็จะยิ่งดิ่งลงจนกู่ไม่กลับ” พล.ท.ภราดรกล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม ที่กลุ่มแคร์ เตือนภัย 150 วันอันตรายไว้ก่อนนั้น คงจะต้องประมาณการใหม่เป็น 60 วัน หรือ 90 วัน อันตราย เพราะเริ่มเปิดภาคเรียนแล้ว ม็อบนักศึกษาต้องกลับมาทวงสัญญาเรียกร้องประชาธิปไตยแน่ๆ หลังจากต้องหยุดไป เพราะวิกฤตการณ์โควิด เตรียมรับมือกับสถานการณ์ผันผวนใหญ่ทางการเมืองกันไว้ได้เลย