จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 12-18 มิถุนายน 2563

จดหมาย

 

0 พล็อตยุงชุม

ฉันโชคดี

แม้ครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยอะไร

พ่อ-แม่ก็เป็นชาวบ้านธรรมดา

ทำมาหากินเอาตัวรอดไปได้เป็นวันๆ

แต่ก็สามารถส่งเสียฉันเรียนถึงมหาวิทยาลัยได้

ประกอบกับฉันเป็นเด็กหัวดี ขยันขันแข็งในการเรียน

มหาวิทยาลัยให้ความรู้ฉันมากมาย

ฉันเริ่มเห็นความไม่เป็นธรรมของสังคม

แล้ววันหนึ่ง ก็มาถึงจุดแตกหัก

พวกเราคนหนุ่ม-สาว เริ่มจับกลุ่มกันเพื่อจะหาทางให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นธรรม ความถูกต้อง

แต่พวกฉันก็พ่ายแพ้ ต้องหนีตายเข้าไปสู่ป่าเขาลำเนาไพร

จับปืนขึ้นมาต่อต้านความอยุติธรรม ที่ถูกปกครองโดยคนไม่กี่กลุ่มเหล่านั้น

ที่สุดก็เสียหายล้มตายกันไปทั้งสองฝ่าย

บ้านเมืองยิ่งทวีความไม่สงบสุข

 

แล้วทั้งสองฝ่ายก็หันมาจับมือกัน เพื่อมาช่วยพัฒนาบ้านเมืองกันใหม่

ฉันกลับมาเข้าเรียนต่อจนจบ

ฉันเริ่มทำงานหาเลี้ยงชีพ เพื่อตัวเองและครอบครัว

แต่ช่างยากเย็นเสียเหลือเกิน

สังคมยังเป็นแบบเเดิม คนรวยก็รวยเหลือล้น และมีจำนวนน้อยนิดเหมือนยอดพีระมิด

คนมากมายทั้งแผ่นดิน เหมือนตัวและฐานของพีระมิด

ฉันเริ่มคิด ผันตัวเข้าสู่วงการเมือง

การเมืองเท่านั้น ที่จะเปลี่ยนสังคมได้

แต่ก็เหลว

ครั้งแล้วครั้งเล่าฉันพ่ายแพ้ในการแข่งขันทุกครั้ง

บ้านเมืองยังคงเป็นเหมือนเดิม

ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันล้า มองไปทางไหนไม่เห็นตัวฉันและครอบครัวจะดีขึ้น

 

แล้วฉันก็พบทางสว่าง

วันหนึ่งแสงสว่างก็วาบเข้ามาในจิตใจของฉัน

ฉันพบทางออกแล้ว ฉันมีดีที่วาทะจับใจผู้คนตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักศึกษา

ฉันเริ่มปล่อยวาทะ ปกป้องผู้นำที่รวบอำนาจ พร้อมๆ ไปกับการสรรเสริญเยินยอกลุ่มผู้คนเหล่านั้น

แล้ววันหนึ่งความดีก็ตอบแทนฉัน

ฉันมีงานใหม่ เงินเดือนมากมายที่ตลอดมาฉันไม่เคยเจอ

เป็นงานแสนเบา แค่ยกมือเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับกลุ่มผู้รวบอำนาจในทุกครั้งที่มีการประชุมเท่านั้น

แล้วตัวฉันและครอบครัวก็อยู่ดี กินดีกับเงินตอบแทนในแต่ละเดือนร่วมสองแสนบาท จากภาษีอากรของพี่น้องผู้ทุกข์ยากส่วนใหญ่ ที่ฉันเคยรักและคิดช่วยเหลือ เมื่อฉันยังอยู่ในวัยใส

เพื่อนๆ บางคนของฉันก็อยู่ในตำแหน่งนี้ยาวนานมาก อันเป็นผลตอบแทนจากผู้รวบอำนาจที่สืบต่อกันมา

แล้วจะมาเอาอะไรกับฉัน

จะไล่พวกฉันไปทำไม จำไม่ได้หรือภาษิตโบราณ ที่เขาว่ากัน ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป

และฉันจะยึดคตินี้ไว้ตลอดไป

จากฉัน

นายกลับกลอก ยอดปัญญา

ป.ล.รัฐธรรมนูญที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก ก็มิใช่ฝีมือของฉันและพรรคพวกหรือ

“ปิยพงศ์” เมืองหละปูน

 

พล็อตแบบนี้

เป็นพล็อตที่คุ้น-คุ้น

แม้ยุงจะชุม

แต่ก็ขายได้

และมีตัวละคร “เป็นๆ” ที่เราจับต้องได้

มองเข้าไปใน “สถานสัปปายะ” ก็พอแลเห็นตัวอยู่

จึงมีการตั้งวง ถามคำถาม เสียดแทง

มี “ท่าน” ไว้ทำไม

 

ป.ล.จะถือหลักไปรณียบัตร ลายมืองามของ “ณัช ศรีบุรีรักษ์” ที่ล้อมกรอบให้อ่าน

ก็คงพอไหว

“เงินนั้นมีค่าแต่อย่าฆ่าตนเองนะคะ”

อนึ่ง ที่ “ณัช ศรีบุรีรักษ์” ระบุตอนหนึ่งว่า “ป่วยหนัก”

ยังจับความไม่ชัดนักว่า ใครป่วย

หากเป็นเจ้าของไปรษียบัตร ก็ขอร่วมแสดงความห่วงใยอย่างยิ่ง

ให้หายเจ็บ หายไข้

มาเย้อ ขวัญเอ้ย…

 


พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์, ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยีชาวบ้าน ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่