นงนุช สิงหเดชะ : คลังอาวุธเครือข่าย “โกตี๋” กับมุขเดิมๆ อ้าง “จัดฉาก”

ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ซึ่งสนธิกำลังกันบุกตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุดใน 7 จังหวัดพร้อมกันเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นถูกระบุว่าเป็นบ้านพักเครือข่ายของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำเสื้อแดงปทุมธานี ในจังหวัดปทุมธานี ส่งผลสะเทือนต่อเครือข่ายการเมืองที่เรียกว่าคนเสื้อแดง และกระทบชิ่งไปยังกลุ่มการเมืองบางกลุ่มที่แนบแน่นกับคนเสื้อแดง

การค้นพบอาวุธสงครามจำนวนมากจากการตรวจค้นในครั้งนี้ เท่ากับตอกย้ำ “ภาพจำ” ที่ติดตัวขบวนการทางการเมืองกลุ่มนี้ นั่นก็คือภาพของความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเพื่อเป็นเครื่องมือเรียกร้องทางการเมือง

ชนิดของอาวุธที่พบนั้นล้วนแต่คุ้นหูคุ้นตา ไม่ว่าจะเป็นปืนชนิดต่างๆ ระเบิดเอ็ม 79 ระเบิดขว้าง RGD5 อาวุธเหล่านี้ ถูกใช้ตลอดการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมเองในปี 2553 ที่เรียกว่าชุมนุมเผาเมืองเพื่อโค่นรัฐบาลประชาธิปัตย์

หรือแม้กระทั่งการใช้อาวุธนั้นทำร้ายฝ่ายตรงข้ามซึ่งก็คือกลุ่ม กปปส. หรือกลุ่มนกหวีดตอนชุมนุมประท้วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อปี 2556-2557

พลันที่เจ้าหน้าที่แถลงข่าวออกมา ก็เป็นธรรมดาที่แกนนำเสื้อแดงระดับบนสุด จะออกมาปฏิเสธปัดความเกี่ยวข้องกับโกตี๋ อ้างว่าโกตี๋ไม่ใช่คนเสื้อแดงเพราะคนเสื้อแดงไม่นิยมความรุนแรง (ใครจะเชื่อได้ลงคอ) ยังดีที่หนนี้ไม่บอกว่า “แดงเทียม” พร้อมๆ กันนั้นก็ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่รัฐอาจมีการจัดฉากเพื่อทำลายคนเสื้อแดง

ส่วนโกตี๋นั้นไม่ต้องสงสัย เพราะเขาต้องปฏิเสธอยู่แล้วและอ้างว่าถูกจัดฉากใส่ร้าย ทั้งนี้ก็เพื่อปลุกเร้ามวลชนของเขาให้เชื่อว่ารัฐกลั่นแกล้ง จะได้มีใจอาฆาตเพียงพอที่จะใช้ความรุนแรงขึ้นมาอีก หรืออย่างน้อยก็หล่อเลี้ยงความคิดมวลชนของเขาให้รู้สึกต่อต้านหรือเป็นปฏิปักษ์กับ คสช.

ข้อสังเกตสุดฮิตและฮาอีกอย่างก็คือทำไมผ่านมา 3 ปี (นับจากรัฐประหาร) จึงเพิ่งมีการค้นพบ

ข้อสังเกตเรื่องที่ว่าทำไมเพิ่งมีการค้นพบ ไม่ค่อยมีน้ำหนักเพียงพอที่จะบอกว่าเป็นการจัดฉาก เพราะการจะจับได้หรือไม่ก็ต้องขึ้นกับการข่าวและการเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัย และองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ซึ่งต้องใช้เวลา ถ้าหากเจ้าหน้าที่รัฐมีหูตาทิพย์ ไม่ต้องใช้ความพยายามในการสืบหา ป่านนี้ก็คงตรวจพบอาวุธและยุทธภัณฑ์ทางทหารจำนวนมากที่คนเสื้อแดงปล้นไปจากทหารที่สี่แยกคอกวัวเมื่อปี 2553 ได้ครบนานแล้ว

แต่มีรายงานว่าในบรรดาอาวุธที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ มีปืนเอ็ม 16 กระบอกเดียวกับที่ถูกปล้นไปที่สี่แยกคอกวัวรวมอยู่ด้วย แต่ยังเหลืออีกมากที่ตามไม่เจอ

ระหว่างคนซ่อนกับคนหา แน่นอนว่าคนหาก็ต้องลำบากกว่าอยู่แล้ว ดังนั้น คนที่เอาไปซ่อนก็ต้องถูกย้อนถามเหมือนกันว่าเพราะซ่อนดีใช่หรือไม่ จึงถูกค้นพบล่าช้า

มันตลกที่คนทำผิดมีหน้ามาอ้างว่าเป็นการจัดฉากเพียงเพราะเจ้าหน้าที่ค้นพบหลักฐานช้า ช่างเป็นการอ้างตรรกะแบบวิบัติโดยแท้ ถ้าไม่เอาไปซ่อน ก็หาเจอนานแล้ว อีกอย่างเจ้าหน้าที่เขาคงรอให้พวกนี้ตายใจจะได้เคลื่อนไหวให้เป็นที่สังเกตเพื่อง่ายต่อการสะกดรอยก็เป็นได้ แบบว่าจับให้มั่นคั้นให้ตาย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกหลังรัฐประหารที่มีการค้นพบอาวุธจำนวนมากของเครือข่ายคนเสื้อแดงในพื้นที่ที่ได้ชื่อว่าเป็นสีแดงเข้ม แต่ค้นเจอหลายระลอกแล้ว มีคนถูกจับกุม ถูกดำเนินคดีและติดคุกไปเยอะแล้ว พวกไหนคงไม่ต้องจาระไนกัน

ง่ายเกินไปที่บรรดาแกนนำจะออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายโกตี๋ หรือปฏิเสธว่าโกตี๋ไม่ใช่คนเสื้อแดงเพราะหลักฐานที่พบก็มัดแน่นอยู่แล้ว

ความรุนแรงที่บรรดาหัวๆ ปลุกระดมกันมานาน มีหลักฐานชัดหลายครั้ง ครั้งล่าสุดก่อนรัฐประหาร นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไม่ใช่หรือที่ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงที่โคราช ปลุกระดมให้ประชาชน 10 ล้านคนที่เป็นฐานเสียงพรรคเพื่อไทยให้ใช้ปืนคนละกระบอกขึ้นมาต่อสู้ และแม้กระทั่งพูดยุยงให้แบ่งแยกประเทศ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีมหาดไทยจะกล้าพูดสิ่งชั่วร้ายได้ขนาดนี้

ในเมื่ออดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่เป็นหัวขบวนใหญ่แถวหนึ่งยังนิยมความรุนแรง ดังนั้น แกนนำ นปช. ซึ่งเป็นพวกแถวสองจะมาอ้างได้อย่างไรว่าคนในกลุ่มของตนไม่นิยมความรุนแรง แล้วใครกันที่ไปนั่งฟังนายจารุพงศ์ปราศรัยแล้วปรบมือชอบใจ

อันที่จริงก่อนจะมีการบุกตรวจค้นครั้งนี้ จะสังเกตว่าฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐได้ส่งสัญญาณบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามีการข่าวล่าสุดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้ จนนำมาสู่การบุกตรวจค้นครั้งใหญ่

เริ่มจากฝ่ายรัฐออกมาระบุว่ามีกลุ่มคนจ้องทำร้ายผู้นำประเทศ จากนั้นต่อมาเมื่อมีการใช้มาตรา 44 เพื่อบุกค้นวัดพระธรรมกายและประสบปัญหาถูกคนของธรรมกายต่อต้านขัดขวาง เจ้าหน้าที่ได้ระบุว่ามีกลุ่มคนที่เกี่ยวพันกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง แฝงตัวเข้ามาเพื่อหวังสร้างสถานการณ์ร้าย จึงจำเป็นต้องระมัดระวังสูงเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายเข้าทางคนกลุ่มนี้

วัดพระธรรมกายอยู่ในพื้นที่ปทุมธานี ต่อจิ๊กซอว์ไปก็เห็นภาพว่าโยงใยกับกลุ่มการเมืองไหน สีไหน

ไม่ว่าแกนนำเสื้อแดงและโกตี๋จะปฏิเสธเรื่องนี้อย่างไร แต่ผู้ต้องหาก็ซัดทอดเรียบร้อยแล้วว่าอาวุธเป็นของโกตี๋ที่นำมาฝากไว้ บรรยายรายละเอียดขนาดว่านำมาฝากช่วงไหน และได้อาวุธมายังไง

อีกอย่างฝ่ายเจ้าหน้าที่เขาถ่ายคลิปสดขณะตรวจค้นเอาไว้ด้วย ถ้าดูก็จะรู้ได้เองว่าจัดฉากหรือไม่

แต่ถึงแม้จะมีการจัดฉาก เมื่อถึงชั้นศาลเรื่องจะแดงขึ้นมาเองเพราะผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก็คงจะแฉกลับเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ดี ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐคงไม่เสี่ยงจัดฉากเพราะไม่คุ้ม

ส่วนเรื่องที่แกนนำ นปช. บางคนออกมาอ้างว่าโกตี๋เป็นเสื้อแดงอิสระ ไม่ใช่แดง นปช. ก็คงเป็นแค่การเล่นคำ เพราะเอาเข้าจริงก็คือคนกลุ่มเดียวกัน เนื้อเดียวกัน จะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างก็ฟังไม่ขึ้น

จะมาเลือกว่าถ้าเป็นแดงเรียบร้อยจึงจะนับว่าเป็น นปช. ส่วนแดงฮาร์ดคอร์นิยมใช้ปืน-ระเบิด ไม่ใช่ นปช. ฟังแล้วก็ฮาเปล่าๆ เหมือนมีลูกเกเร กับลูกเรียบร้อย ถ้าลูกเกเรไปก่อเรื่อง คนเป็นพ่อแม่จะมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ลูกตัวเองได้หรือ