“แอนโทนี ฟาวซี” ผู้สื่อสารในวิกฤตโควิด-19 ของสหรัฐ

นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ของสหรัฐ หนึ่งในคณะทำงานพิเศษรับมือวิกฤตโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ได้รับเสียงชื่นชมในฐานะผู้สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องในวิกฤตการแพร่ระบาดครั้งนี้ให้กับสาธารณะได้อย่างยอดเยี่ยม

โดยเฉพาะการทำงานกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่พูดถึงข้อมูลผิดๆ อยู่บ่อยครั้ง

แต่ฟาวซีก็ยังกลับได้รับเสียงชื่นชมจากนักการเมืองทั้งฝั่งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน

คงไม่ต้องสงสัยว่า ฟาวซีในวัย 79 ปี ทำหน้าที่นี้ได้ดีเพียงใด

วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคในสหรัฐอเมริกาไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับฟาวซี ผู้ที่ทำงานรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสเอชไอวีเป็นเวลายาวนาน 30 ปี

ฟาวซีเคยทำงานรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคซารส์ เมอร์ส อีโบลา หรือแม้กระทั่งการก่อการร้ายด้วยอาวุธชีวภาพอย่างการโจมตีด้วยเชื้อแอนแทรกซ์ ก็เคยเจอมาแล้วในปี 2001

ฟาวซีทำหน้าที่ภายใต้ประธานาธิบดีสหรัฐ 6 คน ตั้งแต่โรนัลด์ เรแกน เรื่อยมาจนถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการสื่อสารด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ตรงไปตรงมา อธิบายข้อมูลทางเทคนิคด้านการแพทย์ให้เป็นภาษาที่คนในสังคมใช้กันได้ดี ไม่สร้างความตื่นตระหนก หรือลดความสำคัญของเนื้อหาลง

นั่นทำให้ฟาวซียืนหยัดทำงานในหลายรัฐบาลได้อย่างมั่นคง

 

แม้ฟาวซีจะอยู่ในช่วงอายุที่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเสียชีวิตสูง หากติดเชื้อโควิด-19 เข้าไป แต่ฟาวซียังทำงานหนัก มีเวลานอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อศึกษาและถ่ายทอดข้อมูลที่ถูกต้องกับสาธารณชน

นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนให้ความไว้วางใจนายแพทย์ผู้นี้ให้ทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดให้ชาวอเมริกันทั่วประเทศ

ฟาวซีเกิดในวันคริสต์มาสอีฟ ในครอบครัวชาวอิตาเลียน-อเมริกัน จากเมืองบรูกลิน นครนิวยอร์ก ในปี 1940

ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้ที่เคยมอบเหรียญเสรีภาพประธานาธิบดีให้กับฟาวซี ในปี 2008 เคยระบุเอาไว้ว่า ฟาวซีแสดงให้เห็นถึงความตรงไปตรงมาและความเป็นอิสระจากอิทธิพลทางความคิดตั้งแต่วัยเด็ก ว่าในขณะที่เพื่อนบ้านเชียร์ “บรูกลิน ดอร์ดเจอร์” ทีมเบสบอลชื่อดังในเมเจอร์ลีก สหรัฐกันหมด

แต่ฟาวซีก็ยังคงยึดมั่นเชียร์ทีม “แยงกี้” อย่างมั่นคง

 

ฟาวซีก้าวขึ้นเป็นผู้อำนวยการสถาบันโรคติดเชื้อและโรคภูมิแพ้ในปี 1984 ในช่วงเวลาที่โรคเอดส์กำลังแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกา

เหตุการณ์ที่ฟาวซีเคยเล่าถึงความทุกข์ใจที่ต้องมองผู้ป่วยเสียชีวิตไปโดยไม่สามารถช่วยอะไรได้

ฟาวซีมีบทบาทในการช่วยให้สังคมรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่ถูกต้องมากขึ้น ช่วยเจรจากับนักเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโรคเอดส์ที่แสดงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลในปี 1990 ก่อนที่ในที่สุดจะช่วยรัฐบาลยุติการแพร่ระบาดของโรคเอดส์ในสหรัฐให้หมดไปได้ในที่สุด

ในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา เมื่อปี 2014 ชาวอเมริกันตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่นางพยาบาลชาวอเมริกันติดเชื้ออีโบลา จากการรักษาผู้ป่วย และก็เป็นฟาวซีเองที่กอดพยาบาลผู้โชคร้ายในวันที่เธอรักษาตัวจนหายและได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้

สร้างความเข้าใจและลดความกังวลให้กับสังคมได้อย่างตรงประเด็น

 

หลังจากนั้น 6 ปี ฟาวซีได้ร่วมทีมคณะทำงานพิเศษรับมือวิกฤตโควิด-19 ประจำทำเนียบขาว ช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเป็นทรัมป์เองที่ให้ข้อมูลผิดๆ กับสังคม และฟาวซีเองก็พร้อมยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในบางเรื่อง

ฟาวซีตอบคำถามถึงความเห็นของทรัมป์ที่ระบุว่า ยารักษามาลาเรียอาจเป็นยารักษาโควิด-19 ที่ได้ผล

ฟาวซีซึ่งยืนแถลงเคียงข้างทรัมป์ ก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ยาที่ทรัมป์เอ่ยถึงยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มารองรับ

“ผมทำงานให้ประธานาธิบดีมา 6 คน และผมไม่เคยทำอะไรที่นอกเหนือไปจากการอ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ผมสร้างนโยบายและคำแนะนำบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์และหลักฐานที่ชัดเจน” ฟาวซีระบุกับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา

ฟาวซีระบุถึงทรัมป์อย่างมืออาชีพเช่นกันว่า แม้ตนและทรัมป์จะมีความเห็นแตกต่างกันในบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งเกิดขึ้น

“ประธานาธิบดีฟังสิ่งที่ผมพูด รวมถึงสิ่งที่คณะทำงานพูด เมื่อผมให้คำแนะนำเขาก็ทำตาม” ฟาวซีระบุ และว่า

“การพยายามนำคนคนหนึ่งให้ต้องเผชิญหน้ากับคนคนหนึ่งนั้นไม่มีประโยชน์ เพราะเวลานี้เรามีปัญหาใหญ่มากกว่าพยายามที่จะชี้ไปที่ความขัดแย้ง”