ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 1 - 7 พฤษภาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ในประเทศ |
เผยแพร่ |
ก่อนที่ไวรัสโควิด-19 จะระบาดอย่างหนักไปทั่วโลกและทั่วประเทศไทย ได้เกิดปรากฏการณ์ “flash mob-แฟลชม็อบ” หรือการชุมนุมแบบไม่ยืดเยื้อของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ จนลามไปถึงนักเรียนมัธยม ทั้งมัธยมต้นและมัธยมปลาย ออกมาแสดงออกทางการเมือง หลังจากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่
ทั้งแบบกลุ่มเล็กที่รวมตัวกันไม่กี่คน ชูป้าย แถลงความในใจแล้วแยกย้าย ขณะที่กลุ่มใหญ่จะถูกจัดขึ้นในรั้วมหาวิทยาลัย มีการปราศรัยถึงจุดยืน พร้อมด้วยการจุดเทียน หรือเปิดแฟลชมือถือในช่วงค่ำแล้วค่อยแยกย้ายกันไป เพื่ออยากให้เห็นหัวพวกเขาบ้าง…
กลายเป็นสิ่งที่สะพรึงกลัวของรัฐบาล…
จนเป็นเรื่องที่หลายคนในรัฐบาลกังวลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะพูดพาดพิงไปถึงนักเรียน-นักศึกษา ทำให้เหตุการณ์บานปลาย กลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” เรียกแขกมารวมตัวในเมืองหลวง…
แต่…การแพร่ระบาดของโควิดที่อุบัติขึ้นได้ช่วยต่อลมหายใจให้รัฐบาล เพราะการชุมนุมทั้งหมดต้องหยุดชะงัก เพื่อป้องกันการติดต่อของไวรัส โดยกลุ่มนักศึกษาได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีการชุมนุมเกิดขึ้นอีก
ตามด้วยการที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. ยิ่งไม่มีการท้าทายอำนาจรัฐ ประหนึ่งต้องยอมจำนนไปโดยปริยาย
แต่อยู่ๆ ก็เกิดปรากฏการณ์ #MobFromHome ขึ้นมาอีกครั้งในโลกออนไลน์ทั้งทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ก ท่ามกลางสถานการณ์โควิด
โดยสาเหตุเริ่มแรก เกิดจากการที่พรรคร่วมฝ่ายค้านพยายามที่จะรวบรวมรายชื่อเพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 ที่จะต้องเข้าชื่อจำนวน 1 ใน 3 ของรัฐสภา แต่ฝ่ายค้านมีเสียงอยู่เพียง 213 เสียง ไม่เพียงพอที่จะขอเปิดสภาได้ เพราะยังขาดอยู่อีก 33 เสียง และได้เรียกร้องให้ ส.ส.ฝั่งรัฐบาล และ ส.ว.ร่วมลงชื่อ
แต่ ส.ว.กลับมีท่าทีไม่เห็นด้วย แถมยังกางปีกป้องรัฐบาล และระบุว่าเป็นการตีกินของฝ่ายค้าน
ทำให้มีกลุ่มนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยเริ่มรณรงค์ #MobFromHome “โควิดหายมาไล่รัฐบาลกันไหม?” และได้มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ ส.ว. ให้ลาออกเพราะทำงานไม่คุ้มเงินเดือน ที่ไม่ยอมให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ
ซึ่งกระแสดังกล่าวได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงหัวค่ำของวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา และลุกลามไปในวงกว้าง มีทั้ง “ภาคีนักศึกษาศาลายา” โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า กลับมาอีกครั้งกับการประท้วงรูปแบบใหม่ ที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องออกมาจากบ้าน พวกเราภาคีนักศึกษาศาลายาขอเชิญนักศึกษาทุกคนมาร่วมประท้วงความไม่เป็นธรรมของรัฐบาลชุดนี้อีกครั้งผ่านแฮชแท็ก MobFromHome มาร่วมต่อสู้กันอีกครั้ง เพื่อทวงคืนเสรีภาพของเราคืนมา!
ในขณะที่ “กลุ่มมดปฏิวัติ” ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี โพสต์ข้อความเชิญชวนแฟนเพจและชาวไทยทุกคนร่วมประท้วงออนไลน์โดยการถ่ายรูปถือป้ายแสดงความรู้สึกต่อรัฐบาลพร้อมติด #MobFromHome
ทําให้บรรดา ส.ว.ทั้งหลายต่างพากันนั่งไม่ติด ลุกขึ้นมาตอบโต้นักศึกษา
เริ่มจาก “เสรี สุวรรณภานนท์” ที่ออกมาระบุว่า นักศึกษาไม่รู้จักหน้าที่ ที่จะมาไล่รัฐบาล ไล่ ส.ว. เมื่อจบมาจะรับผิดชอบสังคมได้อย่างไร และยังบอกอีกว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษามีฝ่ายค้านอยู่เบื้องหลังเพราะฝ่ายค้านต้องการให้ ส.ว.ร่วมลงชื่อเพื่อเปิดประชุม แถมยังโพสต์เฟซบุ๊กแขวะนักศึกษาซ้ำอีก ว่ามีความคิดที่ตื้นเขิน ที่เชื่อว่ารัฐบาลมาจากเผด็จการ และติดหล่มด้วยพรรคการเมืองที่ถูกยุบ พร้อมการันตีให้รัฐบาลว่ารัฐบาลมาจากรัฐธรรมนูญที่ผ่านการทำประชามติ และมาจากเสียงของประชาชน
ขณะที่ “วันชัย สอนศิริ” บอกว่า การออกมาเคลื่อนไหวของนักศึกษาในครั้งนี้คงอยากมีบทบาทางการเมือง คิดว่านักศึกษาเสนออะไรรัฐบาลเขารับฟังอยู่แล้ว อย่ามาเสียเวลากับการเมืองมากนัก อย่าเอาวาทกรรมมาเล่นการเมืองตอนนี้ เอาเวลาไปต่อสู้กับโรคร้ายดีกว่า เมื่อโรคนี้จบแล้ว ฝ่ายค้านและนักศึกษาอยากทำอะไรก็ถล่มได้เลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่กาลเทศะ
ทันทีที่มีการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพตอบโต้ว่า คำพูด “เสรี” เป็นชุดความคิดที่กดขี่และปิดกั้นเยาวชนไม่ให้มีส่วนร่วมในสังคมอย่างมาก
พวกเรากำลังศึกษาว่า ส.ว.มีไว้ทำไม และจำเป็นหรือไม่ที่ประเทศไทยต้องมี ส.ว. เพราะการเมืองคือเรื่องของทุกคน
ต่อมามีการล่ารายชื่อทาง Change.org รณรงค์เพื่อล่ารายชื่อถอดถอน ส.ว. 250 โดยระบุเหตุที่ ส.ว. 250 ท่านไม่ควรดํารงตําแหน่ง ส.ว. เพราะ
1. ที่มาไม่มีความชอบธรรมเหตุเพราะถูกเลือกโดยคณะรัฐประหาร
2. ไม่มีผลงานที่ทำเพื่อประชาชน
3. ใส่ร้ายนิสิต/นักศึกษา ที่ออกมาเรียกร้องความยุติธรรมคืนแก่ประเทศ
4. ภาษีของประชาชนไม่ควรสูญเปล่าเพราะความเห็นแก่ตัวของ ส.ว. 250 ท่าน
ทั้งนี้ การที่ มศว คนรุ่นเปลี่ยน ทำการล่ารายชื่อถอดถอนท่าน ส.ว. 250 ท่าน เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเรียกร้องประชาธิปไตยคืนสู่ประเทศไทยเพียงเท่านั้น รายชื่อทั้งหมดพวกเรานิสิต นักศึกษาจะนำไปยื่นถึงสภาเพื่อให้นำไปพิจารณาต่อไป
โดยมีการระบุกลุ่มนักศึกษาที่ดำเนินการตั้งแคมแปญนี้ประกอบด้วย
1.มศว คนรุ่นเปลี่ยน 2.ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ 3.มอกะเสด 4.พะยอมเก๋า 5.กลุ่มมหานครเพื่อประชาธิปไตย 6.ลูกพ่อขุนฯ โค่นล้มเผด็จการ 7.ฟันเฟืองประชาธิปไตย อาชีวะปกป้องประชาธิปไตยแห่งประเทศไทย 8.ขอนแก่นพอกันที 9.ภาคีนักศึกษาศาลายา 10.กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย 11.กลุ่มประชาคมมศวเพื่อเสรีภาพ 12.มวล.เสรี 13.กลุ่มเสรีประชาธิปไตย นิสิต นักศึกษา อุดรธานี
ที่ล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อร่วม 4,000 คน (วันที่ 29 เมษายน)
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเปิดสมัยวิสามัญ ฝ่ายรัฐบาลปิดประตูใส่หน้าฝ่ายค้านไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะวิปรัฐบาลมีมติร่วมกันว่า จะไม่มีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ โดยจะรอให้มีการเปิดประชุมสมัยสามัญในวันที่ 22 พฤษภาคม ในคราวเดียว…