ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

มิตซูฯ ‘เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสส์’

รถครอบครัวแต่งหล่อ-ขับชิลชิล

 

เสริมทัพให้กับรถครอสส์โอเวอร์ของค่าย “มิตซูบิชิ” ด้วย “เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสส์” (Xpander Cross) แบบ 7 ที่นั่ง มาในสไตล์ชุดแต่งจัดเต็ม เน้นความแข็งแกร่งและสปอร์ต

“เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสส์” มาเติมเต็มรุ่น “เอ็กซ์แพนเดอร์” ที่อวดโฉมไปก่อนหน้านี้ ได้เสียงตอบรับพอสมควรเพราะราคาแพงกว่าซิตี้คาร์เล็กน้อย แต่ได้ตัวถังใหญ่กว่าและอเนกประสงค์กว่า

ของเดิมมีให้เลือก 2 รุ่น คือ GLS-LTD และ GT

แต่ยังใส่ออปชั่นมาไม่เต็มข้อ จึงส่งรุ่นพิเศษเข้ามาเสริมทัพ

โดยอวดโฉมเมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ด้วยสถานการณ์ไม่เป็นใจจึงไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ผมเองตัดสินใจไม่นำเสนอเป็นรถใหม่ แต่ถือโอกาสนำมารวบยอดเป็นบททดสอบในคราวเดียวกันเลย

 

หน้าตาไม่ต่างจากรุ่นธรรมดา แต่เพิ่มชุดความเท่เข้ามา เริ่มจากดีไซน์ Dynamic Shield เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด เด่นด้วยเส้นสายเรขาคณิตบนกันชนหน้า

กระจังหน้า 3 แถบที่ออกแบบใหม่ใช้สีเข้มมีช่องขั้นระหว่างแถบ ซึ่งต่างจากรุ่นปกติที่เป็น 3 แถบติดกัน

ไฟหน้า LED ดีไซน์ใหม่พร้อมไฟตัดหมอก LED ขนาดใหญ่ ตำแหน่งจะแปลกตาเพราะอยู่ต่ำลงมาจากจุดปกติ

ส่วนแถบไฟด้านบนเป็นเส้นเล็กๆ เรียวไปตามฝากระโปรง เป็นไฟหรี่ LED แบบคริสตัล

แผงตกแต่งข้างประตูและซุ้มล้อสีดำรับกับล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 17 นิ้ว

ติดตั้งราวหลังคาที่เพิ่มความอเนกประสงค์ และตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างหลากหลายตามสไตล์รถอเนกประสงค์เอสยูวี

ประตูท้ายดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยวัสดุเปียโนแบล็ก เสาอากาศครีบฉลาม และกันชนหลังพร้อมแผงกระแทกขนาดใหญ่ขึ้น

รุ่นนี้เพิ่มการลุยได้มากขึ้นเพราะยกตัวรถสูงกว่ารุ่นปกติ 20 ม.ม. อยู่ที่ 225 ม.ม.

ภายในใช้สีทูโทนดำ-น้ำตาล ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน และสีดำเปียโนแบล็ก

พวงมาลัยระบบมัลติฟังก์ชั่น หัวเกียร์และเบรกมือหุ้มหนัง

มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast จอแสดงข้อมูลอเนกประสงค์

ตรงกลางเป็นจอภาพระบบสัมผัสขนาด 6.2 นิ้ว เชื่อมต่อบลูทูธ เครื่องเสียง 2DIN รองรับดีวีดี ซีดี และเอ็มพี 3

เบาะนั่งสบายพอประมาณ แถว 2-3 พับได้เกือบราบเพิ่มพื้นที่บรรทุก

เจาะช่องแอร์บนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

 

รุ่นนี้มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อปมาให้ ใช้กุญแจอัจฉริยะ KOS และมีปุ่มสัญญาณที่มือจับประตูด้านนอกกดเปิด-ล็อกได้โดยไม่ต้องควักกุญแจออกจากกระเป๋า

เบรกมือก้านเบ้อเริ่ม เสียดายที่ไม่มีเท้าแขนคนขับมาให้

เครื่องยนต์ DOHC MIVEC 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 141 นิวตัน-เมตร ระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่าเมื่อเทียบกับขนาดตัวรถน่าจะอืดพอสมควร

แม้ผมจะขับเพียงลำพัง รู้สึกเลยว่าไม่ค่อยทันอกทันใจเท่าไหร่

แต่ก็นะ…รุ่นนี้คือออกแบบมาเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัว จะปรู๊ดปร๊าดเร้าใจก็ใช่ที่

อีกทั้งราคาที่ตั้งมาไม่ได้แพงเวอร์วังนัก

ขับแบบเรื่อยๆ เหมาะสมดี ความเร็วราวๆ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เริ่มได้ยินเสียงลมบ้าง ถ้าเร็วกว่านั้นยิ่งอื้ออึงมากขึ้น

ทัศนวิสัยถือว่าโปร่งโล่งดี

ช่วงล่างมาตรฐาน ด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต/คอยล์สปริง/เหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม

ด้วยความเร็วของรถที่เรียกมาไม่เยอะนัก ช่วงล่างรับได้สบาย

ความนุ่มนวลถือว่าพอประมาณ แต่ถ้านั่งไปหลายๆ คนน่าจะนุ่มกว่านี้

 

ด้วยความที่ผมขับเพียงคนเดียว จึงต้องจอดเพื่อลองนั่งเบาะแถว 2 และ 3

เบาะแถว 2 นั่งสบายพอสมควร ที่วางขาและที่ว่างเหนือศีรษะเหลือเฟือครับ

ส่วนแถว 3 ถ้าจะนั่งจริงๆ ได้อยู่ แต่ต้องขยับเบาะแถว 2 เลื่อนขึ้นหน้าไปให้สุด ทำให้เข่าไม่ถึงกับติด แถมพนักพิงยังสามารถปรับเอนได้ด้วย

ขณะที่แถว 2 หากดันเบาะขึ้นหน้าจนสุดนั่งได้สบายระดับหนึ่ง

เรียกว่าหากนั่งเต็มความจุที่ 6-7 คน ไม่ถึงกับอึดอัด

ด้านระบบความปลอดภัยทั้งการปกป้องและการป้องกัน มาตรฐานทั่วๆ ไป อาทิ

ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว, ระบบป้อง การลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)

ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก, ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์, ระบบเสริมแรงเบรก, ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน

ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด ฯลฯ

“เอ็กซ์แพนเดอร์ ครอสส์” ถือเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวจริงๆ

สนนราคา 899,000 บาท แพงกว่ารุ่น GT แค่ 40,000 บาท คุ้มค่ากว่าเห็นๆ

 

ปิดท้ายกันด้วยแนวโน้มตลาดรถยนต์เมืองไทย ที่คาดว่าปีนี้จะสาหัสยิ่งกว่าปี 2554 ที่น้ำท่วมใหญ่ด้วยซ้ำ

โดยปี 2554 ประเทศไทยผลิตรถยนต์รวม 1,457,795 คัน ขายในประเทศ 749,081 คัน ลดลง 0.78% เมื่อเทียบกับปี 2553

แต่ในปีนี้ที่เจอพิษไวรัสโควิด-19 ตัวเลขจากนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า เดือนมีนาคมที่เป็นช่วงไวรัสเริ่มระบาดในเมืองไทย ยอดผลิตรถลดลงไปแล้วกว่า 26.16% ทำได้ 146,812 คัน

ส่วนยอดขายยิ่งโกโซบิ๊ก เพราะเดือนมีนาคมเหลือ 60,105 คัน ลดลง 41.74%

หากนับไตรมาสแรกยอดขายปิดที่ 200,064 คัน ลดลง 24.09%

ส่วนยอดผลิตไตรมาสแรก 453,682 คัน ลดลง 19.2%

ที่แย่เป็นผลสืบเนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศที่ทรงๆ ทรุดๆ มาพักใหญ่ แถมเจอสงครามการค้าสหรัฐ-จีน และการส่งออกที่หดตัวเรื่อยๆ ท่องเที่ยวไม่หวือหวาเพราะเงินบาทแข็งค่า

สุดท้ายโดนไวรัสขย่มซ้ำ

ส.อ.ท.ประเมินว่า ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้อาจลดลง 30-50% เหลือ 1-1.4 ล้านคัน จากเป้าหมาย 1.9 ล้านคัน

โดยตลาดในประเทศอาจผลิตขายเหลือเพียง 5-7 แสนคันเท่านั้น

เพราะตัวเลขเดือนมีนาคมเป็นช่วงที่ไวรัสเพิ่งระบาดเข้ามา แต่ยอดขายก็รูดมหาราชแล้ว

ไตรมาส 2 น่าจะยิ่งสาหัสเพราะเป็นช่วงระบาดหนัก แม้ปลายเดือนเมษายนสถานการณ์จะดีขึ้น แต่ที่พินาศไปแล้วคือเศรษฐกิจเพราะแทบจะหยุดกันทุกเครื่องจักรขับเคลื่อน

กัดฟันทนกันไป