ยังคงต่อสู้กับปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายภาวนา ให้วิกฤตนี้เร่งคลี่คลายโดยเร็ว

และแม้จะน่าชื่นชมที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างเป็นลำดับ แต่ก็ยังมีปัญหาอื่นที่ก่อตัวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

นั่นก็คือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนนั่นเอง

เซ่นเศรษฐกิจซ้ำโควิดช็อกยอดฆ่าตัวตายพุ่งพ่อ
ญาติเปิดใจ

เนื่องจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาล ตั้งแต่การประกาศใช้พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน สั่งปิดสถานประกอบการหลายสิบประเภท

ตามมาด้วยการเคอร์ฟิว ห้ามออกจากบ้าน พร้อมทั้งยังเพิ่มความเข้มข้นในการจับกุมดำเนินคดี

ในขณะที่การเยียวยาช่วยเหลือ กลับถูกมองว่าล่าช้าไม่ทันการณ์

จนน่าเป็นห่วงว่าพิษเศรษฐกิจระลอกนี้ จะคร่าชีวิตประชาชนไปมากกว่าโรคระบาดเสียอีก

จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเร่งทบทวน ในขณะที่แก้ไขปัญหาโรคระบาด ก็ต้องดูแลประชาชนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจด้วย

ไม่เช่นนั้นแม้จะได้รับชัยชนะ ควบคุมการระบาดของโรคได้ กลับจะเกิดปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมตามมา

แล้วจะแก้กันไม่หวาดไม่ไหว

 ‘พ่อ-ลูก’ตกงานโดดน้ำ 2 ศพ

พิษเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด แล้วส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน ดังเช่นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 เม.ย. สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุพบศพชายลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ม.8 ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา ที่เกิดเหตุพบศพชาย เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 2 วัน

ขณะที่ก่อนหน้านี้ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่พบศพด.ญ.อายุประมาณ 5 ขวบ ลอยอยู่กลางแม่น้ำป่าสัก ห่างจากจุดที่พบศพชายเสียชีวิตไม่เกิน 2 กิโลเมตร

เจ้าหน้าที่จึงติดตามหาข่าวว่ามีความสัมพันธ์กันหรือไม่ ในที่สุดก็ได้ข้อมูลว่า ทั้งคู่เป็นพ่อลูกกัน โดยชายคนดังกล่าวชื่อนายสมศรี แทนโหมก อายุ 40 ปี ขณะที่ลูกสาวคือด.ญ.แอนนา แทนโหมก อายุ 5 ขวบ เป็นชาวอ.บรบือ จ.มหาสารคาม

โดยก่อนเกิดเหตุพ่อลูกมาอาศัยอยู่ที่วัดธรรมนิยม ต.หัวรอ ได้ประมาณ 2 วัน โดยบอกกับชาวบ้านว่าตกงาน ไม่มีงานทำ กำลังหางานอยู่ จากนั้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย. มีชาวบ้านได้ยินเสียงพ่อลูกทะเลาะกัน โดยเสียงด.ญ.บอกว่าพ่ออย่าทิ้งหนู พร้อมร้องไห้ตลอดเวลา ขณะที่ผู้เป็นพ่อบอกให้เงียบไม่ต้องร้องไห้

ต่อมาได้ยินเสียงเหมือนคนตกน้ำ แล้วด.ญ.ก็ร้องไห้บอกว่าพ่ออย่าทิ้งหนู อย่ากระโดดลงไป จากนั้นก็เงียบเสียง เลยนึกว่าทั้งคู่เดินออกจากจุดดังกล่าวไปแล้ว แต่สุดท้ายกลายเป็นโดดน้ำเสียชีวิตทั้ง 2 ศพ

โดยการสอบสวนเชื่อว่าพ่อตกงาน พาลูกมาพึ่งพาวัด ซึ่งช่วงที่เผชิญวิกฤตโควิด ทำให้ไม่สามารถหางานทำได้ จนเกิดความเครียด กระโดดน้ำฆ่าตัวตาย

ขณะที่ด.ญ.ที่อยู่คนเดียว ไม่รู้จะทำ ยังไง จึงกระโดดน้ำตาม สุดท้ายเสียชีวิต ทั้งคู่

เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นเพราะไม่มีจะกิน

แม่ลูกสองไร้เงิน-ผูกคอตาย

อีกเหตุการณ์ที่อ.บรบือ จ.มหาสารคาม เมื่อค่ำวันที่ 20 เม.ย. พ.ต.ท.สมภพ ปาปะใน สารวัตรสอบสวน สภ.กำพี้ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอพยายามฆ่าตัวตาย ภายในบ้านไม่มีเลขที่ ในต.กำพี้ อ.บรบือ

รุดตรวจสอบพบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ยังก่อสร้างไม่เสร็จ ภายในห้องน้ำพบร่างของน.ส.ไอยรดา หลอดเพ็ชร อายุ 26 ปี สภาพผูกคอกับขื่อในห้องน้ำ ญาติพี่น้องช่วยกันนำร่างลงมา ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ชีพเร่งนำส่งโรงพยาบาลเพื่อยื้อชีวิต แต่ไม่ทันน.ส.ไอยรดาเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากขาดอากาศหายใจเป็นเวลานาน

สอบสวนนางสมปอง โยเหลา ซึ่งเป็นแม่ของน.ส.ไอยรดา เปิดเผยว่า ลูกสาวเครียดเรื่องปัญหาการเงิน เพราะตกงาน อีกทั้งสามีติดคุกด้วยคดียาเสพติด จนเลิกรากันไป ทำให้ลูกสาวต้องเลี้ยงลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 6 ขวบ คนเล็กอายุ 6 เดือน ถึงกับเคยบ่นว่าไม่มีเงินซื้อข้าวซื้อนมให้ลูก ประกอบกับเจ้าหนี้ก็ยังตามทวง ทำให้ลูกสาวไม่มีทางออก ตัดสินใจฆ่า ตัวตาย

ทั้งนี้จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า ก่อนหน้านี้ น.ส.ไอยรดาเลิกรากับสามี แล้วพาลูกทั้งสอง ไปอยู่บ้านพ่อ พร้อมทั้งทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร ต่อมาเมื่อโควิดระบาด ทางจังหวัดสั่งให้ร้านอาหารทุกแห่งห้ามให้นั่งรับประทานในร้าน ทำให้ร้านสั่งเลิกจ้าง ตกงานทันทีโดยไม่ได้ตั้งตัว

ต่อมาบ้านพ่อถูกตัดไฟฟ้า ทำให้ต้องพาลูกๆ ย้ายมาบ้านแม่ที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน

เมื่อมาอยู่กับแม่ ก็มีปัญหาเรื่องเงินอีก เพราะแม่ของน.ส.ไอยรดา มีอาชีพขี่จยย.พ่วงขายนมเปรี้ยว ซึ่งก็ขายได้น้อยลง เพราะเวลาขี่จยย.ไปในหมู่บ้านไหนก็กลายเป็นคนแปลกหน้า จากที่เคยมีรายได้ประมาณวันละ 500 บาท ก็เหลือแค่ 100 บาท

พอรายได้แม่ลดน้อง น.ส.ไอยรดา ก็ไปทำงาน ไม่ได้ เพราะร้านอาหารยังปิด เจ้าหนี้ก็ตามทวง จึงเครียดหนักไม่มีเงินซื้อข้าว นม ผ้าอ้อมให้ลูก ซึ่งเจ้าตัวลงทะเบียนขอเยียวยา 5,000 บาท จากรัฐบาล แต่ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ

สุดท้ายไม่มีทางออกจึงตัดสินใจผูกคอตาย

โดยหลังจากเกิดเหตุทางจังหวัดได้เข้าช่วยเหลือให้เงินเยียวยาจำนวนหนึ่ง ซึ่งครอบครัวของน.ส.ไอยรดา จะนำไปจ่ายค่าไฟของบ้านพ่อที่ค้างชำระไว้เพื่อเตรียมจัดงานศพให้กับลูกสาว

l แท็กซี่ค้างงวดรถ-ฆ่าตัว

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว ลูกสาวลุงอะแกว แซ่ลิ้ว ที่เป็นเหยื่อคดีมือปืนป๊อปคอร์น ยิงบาดเจ็บที่แยกหลักสี่ เมื่อปี 2557 ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา เปิดเผยว่า นายนาม เจียมสุภา น้องชายพ่อ หรืออาแท้ๆ ของตนเองนั้น ได้ก่อเหตุผูกคอเสียชีวิต เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา

เชื่อว่าเกิดความเครียดจากสภาพเศรษฐกิจที่เกิดจากมาตรการป้องกันโรค โควิดระบาด ส่งผลให้อา ที่มีอาชีพขับแท็กซี่ ลูกค้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ขาดรายได้ อีกทั้งยังติดค้างค่างวดรถอีก 2 งวด โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา นายนาม เป็นอีกคนหนึ่งที่เดินทางไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อเรียกร้องเงินเยียวยา 5 พันบาท

แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ มีแค่บอกให้รอยื่นอุทธรณ์ ตามโครงการเราไม่ทิ้งกันในวันที่ 20 เม.ย.ผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น

ก่อนนี้เมื่อวันที่ 8 เม.ย. พ.ต.ท.ศรเพชร ตันติอมรชัยกุล สารวัตรสอบสวน สภ.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา รับแจ้งเหตุคนผูกคอเสียชีวิตที่ขนำคอกวัว ไม่มีเลขที่ ม.2 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา

พบผู้เสียชีวิตคือนายอนงค์ศักดิ์ เกิดผล อายุ 38 ปี สอบถามนางอุษา อิ่มนารี ภรรยา ระบุว่าคืนก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกันหลายครั้งเกี่ยวกับเงินไม่พอใช้ สุดท้ายสามีระบุว่าจะไปตาย ตนก็ไม่ได้ห้ามอะไร จนกระทั่งมาพบเป็นศพเมื่อช่วงเช้า

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่านายอนงค์ศักดิ์ ลงทะเบียนเยียวยา 5 พันบาทไว้แล้ว โดยเมื่อเสียชีวิตไปแล้ว 2 วัน เงินดังกล่าวก็เข้าบัญชี

อีกกรณี เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เม.ย. สน. สุวินทวงศ์ รับแจ้งเหตุชายยิงตัวตาย ที่ หน้าห้องเช่าไม่มีชื่อ ซอยร่วมพัฒนา 1 หนองจอก กทม.

ที่เกิดเหตุพบศพนายณัฐพล อากาศวรรธนะ อายุ 37 ปี มีบาดแผลใช้ปืนลูกซองสั้นยิงเข้าขมับขวาทะลุขมับซ้าย 1 นัด ใกล้มือขวาพบปืนลูกซองสั้น 1 กระบอก กระสุนลูกซอง 3 นัด เหล้า 1 แบน ดื่มไปแล้วเหลือครึ่งแบน

สอบสวนทราบว่า ก่อนนี้ทำงานเป็นแคดดี้ อยู่ที่สนามกอล์ฟสุวรรณภูมิ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี่คลับ ย่านสนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ แต่ช่วง โควิด-19 ระบาดหนักต้องหยุดทำงานชั่วคราวทำให้ขาดรายได้ ประกอบกับก่อนหน้านี้เลิกกับภรรยา สันนิษฐานว่าผู้ตายอาจเครียดเรื่องถูกหยุดพักงาน ขาดรายได้ และเลิกกับภรรยา ก่อนเกิดเหตุมานั่งดื่มเหล้าคนเดียว และตัดสินใจใช้ปืนยิงตัวเองแก้ปัญหาชีวิต

ถือเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นในสังคม และเป็นสัญญาณถึงรัฐบาล ให้เห็นความสำคัญของการแก้ไขปัญหาปากท้อง

ไม่เช่นนั้นแม้ควบคุมโรคระบาดได้ก็คงไม่มีประโยชน์

ถ้าคนส่วนใหญ่ของสังคมล้มตายกัน ไปหมด