สั่งทูตพาณิชย์เกาะติดผลกระทบโคโรนา – นักวิชาการหวั่นภาคท่องเที่ยวสูญ 1 แสนล้าน!

พาณิชย์ สั่งทูตพาณิชย์ติดตามผลกระทบไวรัสโคโรนาใกล้ชิด หวั่นกระทบส่งออกไทยไปจีน – นักวิชาการชี้คาด 2 เดือนนักท่องเที่ยวจีนหาย 2 ล้านคน กระทบภาคท่องเที่ยวราว 1 แสนล้านบาท จีดีพีไทยไม่ตามเป้าคาดต่ำกว่า 2.5% จากเดิมคาดการณ์ 2.8% ปัจจัยลบรุมร่างงบฯไม่ผ่าน – ภัยแล้ง
สั่งทูตพาณิชย์เกาะติดโคโรนา – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการระบาดของไวรัสโคโรนา ว่า ยังไม่ได้ประเมินความเสียหายหรือผลกระทบในด้านการส่งออก เพราะต้องรอความชัดเจนจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประทศ หรือทูตพาณิชย์ในจีนที่มีอยู่ 7 สำนักงาน โดยขณะนี้กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและอยู่ระหว่างการหารือกับสถานทูตไทยในจีนถึงผลกระทบคาดว่า 1-2 วัน น่าจะมีความชัดเจน ทั้งในเรื่องของภาพรวมการส่งออก ผลกระทบต่อสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังจีน และการจัดโรดโชว์ต่างๆ ตามแผนงานของกระทบพาณิชย์ รวมถึงการจัดงานแสดงผลไม้ ที่มณฑลกว่างสี เมืองหนานหนิง ในช่วงวันที่ 22-23 เม.ย. 2563 ที่จะถึง ซึ่งหากได้ข้อมูลมาจะเชิญภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องมาหารืออีกครั้ง และ ในวันที่ 28 ม.ค. ที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าวด้วย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า กล่าวถึงผลกระทบการระบาดของไวรัสโคโรนาที่มีต่อประเทศไทยและเศรษฐกิจโลกว่า ในส่วนของผลกระทบที่มีต่อประเทศไทย มีทั้งผลทางตรงและอ้อม จากการติดตามสถานการณ์พบว่าเชื้อชนิดนี้มีการปรับตัวและร้ายแรงมีอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อสูง เมื่อเทียบกับโรคซาร์ที่เคยระบาดเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แต่ที่แตกต่างคือปัจจุบันเศรษฐกิจจีนมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศอื่นทั่วโลก เมื่อเกิดปัญหาขึ้นที่จีนก็ทำให้เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เพราะขณะนี้พบว่าประธานาธิบดีของจีนสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกนอกเมือง หรือแม้แต่นอกประเทศ หรือปิดเมืองเพื่อควบคุมการระบาดของโรค

ซึ่งจากคำสั่งดังกล่าวจะมีผลต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในประเทศของจีนเอง กำลังซื้อก็ลดลง แม้ว่าก่อนหน้านั้นประชาชนจะซื้อข้าวของเพื่อกักตุนไปแล้ว แต่ก็ไม่สามารถชดเชยกำลังซื้อที่หายไปได้ รวมทั้งจะส่งผลลบต่อการทำธุรกิจ การค้าการลงทุนของจีน โดยคาดการระบาดของไวรัสโคโรนาจะมีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน (จีดีพี) 0.5-1% และจะกระทบต่อจีดีพีของโลก 0.2-0.3%

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า เมื่อจีดีพีของโลกชะลอตัวลงก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะในส่วนของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะหายไปจากไทย เพราะจีนมีความเข้มงวดในการสกัดกั้นการเดินทางออกนอกประเทศของประชากร ซึ่งโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวจีนจะเดินทางมาไทยปีละประมาณ 10 ล้านคน หรือเดือนละ 9 แสน-1 ล้านคน และจากการเทียบข้อมูลสถานการณ์กับโรคซาร์คาดว่าประชาชนจะเกิดการตื่นตระหนกอยู่ประมาณ 2 เดือน จากนั้นก็คาดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ โดยคาดว่าทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหายไปจากไทยประมาณ 2 ล้านคน รวมทั้งความเสียหายจากภาคการท่องเที่ยวคาดว่าจะประมาณ 8 หมื่น-1 แสนล้านบาท แต่หากจีนและทั่วโลกสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ไวมากกว่านี้ก็อาจเสียหายประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังจะได้รับผลกระทบในภาคการส่งออกไปจีนที่ลดลงเนื่องจากกำลังซื้อของจีนลดลง ซึ่งก็จะทำให้สินค้าไทยที่จะส่งออกไปจีนได้น้อยลงตามไปด้วย โดยคาดว่าอาจจะติดลบในส่วนของตลาดจีน และเมื่อการส่งออกไปตลาดสำคัญอย่างจีนติดลบก็จะส่งผลต่อจีดีพีของไทย 0.5-0.7% และเชื่อว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะไม่โดดเด่นมากนัก และยิ่งมีปัญหาเรื่อง ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเนื่องจากพบมีการเสียบบัตรแทนกันของส.ส. ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้ากว่ากำหนด ทำให้ไม่มีงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งปัญหาภัยแล้ง ก็ยิ่งทำให้เศรษฐกิจไทยไม่โดดเด่น ซึ่งอาจทำให้จีดีพีของไทยอาจต่ำกว่า 2.5% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ประมาณ 2.8%

“แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบไปบ้าง แต่ต้องมองในระยะยาว ในสถานการณ์ที่มีการระบาดของโรค เราต้องยอมตัดแขนตัดขาไปบ้างเพื่อรักษาร่างกายให้อยู่ได้ เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็คาดว่านักท่องเที่ยวก็จะกลับมาไทย แต่ช่วงนี้เราต้องควบคุมดูแลไม่ให้มีการระบาดมากขึ้นกว่าเดิม”นายธนวรรธน์ กล่าว