ฟ้า พูลวรลักษณ์ | ฉันรู้สึกสะเทือนใจ เวลาคนเหล่านี้มารวมกัน

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๕๗)

ฉันรู้สึกสะเทือนใจ เวลาคนเหล่านี้มารวมกัน

๑ ผบ.ทบ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์

๒ ดี้ นิติพงษ์ ห่อนาค

๓ สินจัย เปล่งพานิช

๔ โจ จิรายุส วรรธนะสิน

๕ เสรี วงษ์มณฑา

เวลาคนเหล่านี้มารวมกัน แม้ไม่ใช่ แต่ฉันคิดถึงคำว่าฟาสซิสต์ ที่เหมือนวัชพืชชนิดหนึ่ง ที่ปกคลุมโลก

ช่างอันตรายเหลือเกิน ในศตวรรษที่ยี่สิบ ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองของพวกเขา ในหลายประเทศ เช่น ในอิตาลี เยอรมนี ญี่ปุ่น กลายเป็นกลุ่มประเทศอักษะอันเกรียงไกร พวกเขาทำให้โลกนี้แทบจะแหลกสลาย

ที่จริงฟาสซิสต์มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง เพียงแต่ในสามประเทศนั้น พวกเขาประสบความสำเร็จสูงสุด หลังสงครามโลกครั้งที่สอง

คำว่าฟาสซิสต์นี้ คล้ายจะกลายเป็นคำต้องห้าม แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามจริงๆ มันยังคงอยู่

น่าประหลาดเหลือเกิน

เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่พวกเขา ฉันคิดถึงสิ่งตรงข้าม เช่น กลุ่มที่เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง คนเหล่านี้ แตกต่าง แต่ทว่าฉันก็ชิงชังเช่นกัน

กลุ่มคนเผาบ้านเผาเมือง บางครั้งมนุษย์ต้องแยกแยะพวกเขาให้ออก อย่างโจชัว หว่อง ฉันว่าเขาคงมีเจตนาที่ดี มีความกล้าหาญ แต่ทว่าการกระทำของเขา ถูกต้องแล้วหรือ

เขาส่งบัตรเชิญให้จีนยกกำลังเข้าฮ่องกง และยิ่งจะทำให้เสรีภาพในฮ่องกงลดน้อยลง

พวกเขาเป็นวัชพืชอีกชนิดหนึ่งที่ทำลายโลก เผาบ้านเผาเมือง ฉันเห็นสีหน้าแววตาของพวกเขา คนแบบนี้จะไม่มีวันหยุด จนกว่าจะได้ในอุดมคติของเขา

นี้เป็นความน่ากลัวที่ลึกซึ้ง

ฉันก็ยังรักธนาธร แต่เขาจะไปถ่ายรูปคู่กับโจชัว หว่อง ทำไม แน่ละ เขาถ่ายรูปคู่กับคนนับแสน มันก็แค่แชะเดียว ด้วยโทรศัพท์มือถือ การถ่ายรูปคู่กับคนอื่น เป็นพลังขับเคลื่อนที่เขาทำมาตลอด และก็ดูมีประโยชน์ดี การที่หนึ่งในแสนนั้นจะให้โทษ เขาจะทำอะไรได้ เขาจะป้องกันได้หรือ เขายืนยิ้มเผล่ นี้คือความไวของโลกโซเชียล ถ่ายรูปกับใครก็ได้ เขาจะรู้ตัวไหมว่า นี้จะเป็นโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามใช้มาทำลายเขา

หากเขาตอบว่าไม่แคร์ เขาก็ใช้คำพูดนี้บ่อยเกินไป จนวันหนึ่งมันอาจแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว

บัดนี้เขาต้องมาตั้งรับ ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้รู้จักอะไรเป็นการส่วนตัวกับโจชัว หว่อง ก็แค่มาเจอกัน และถ่ายรูปร่วมกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามได้ขยายผลไปไกล

นี้คืออันตรายของการเมือง แต่มันเนื่องมาจากความน่ารังเกียจของโจชัว หว่องด้วย แต่ทว่าจะกล่าวโทษโจชัว หว่อง ได้อย่างไร ในแง่หนึ่งเขาก็เป็นวีรบุรุษ คนเก่ง คนกล้า ที่รักประชาธิปไตย เหมือนนักรักประชาธิปไตยหลายคน

จีนจะไม่มีทางปล่อยฮ่องกงให้เป็นอิสระอยู่แล้ว และทุกวันนี้ การที่ฮ่องกงก็มีเสรีภาพในระดับหนึ่ง ก็คือการออมชอมต่อกัน แต่ทว่าขบวนการเรียกร้องของพวกเขา มันจะมีผลเป็นตรงข้าม

หลายคนแปลกใจว่า ทำไมสีจิ้นผิงจึงใจเย็น เรียกว่าเย็นผิดปกติกับเหตุการณ์ในฮ่องกง แต่เมื่อมองลึกลงไป ก็ตกตะลึง พบว่าเขากำลังรอคอย รอให้ฝ่ายประชาธิปไตยทำลายตัวเอง

นั่นคือการรอคอยให้ฮ่องกงกลายเป็น the third tier city ของจีน ทุกวันนี้ฮ่องกงเป็น the first tier city เช่นเดียวกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ นั่นคือเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างสูง

แต่ทว่าจีนในยุคนี้ มีเมืองที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากมาย พวกเขาไม่ need ฮ่องกงอีกแล้ว

พวกเขาจึงสามารถรอคอย และปล่อยให้ฮ่องกงค่อยๆ เสื่อมถอยลง จนกลายเป็นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งของจีน

หากวันใดที่ฮ่องกงกลายเป็น the third tier city ของจีน มันจึงเป็นจุดจบที่ลึกซึ้งที่สุด เลือดเย็นที่สุด

มันคือการทำลาย ด้วยการไม่ต้องทำอะไรเลย

บัดนี้เราจะมีฮ่องกงที่เป็นเมืองที่ไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ วุ่นวาย ไม่น่าอยู่ มีอาชญากรรมเกิดขึ้นโดยทั่ว ไม่ปลอดภัย มีผู้ก่อการร้าย เสียงร้องเรียกใด ก็จะกลายเป็นเสียงคร่ำครวญ

ฝ่ายประชาธิปไตยในฮ่องกงจะเสียหายสูงสุด และต่อจากนี้ เสียงของพวกเขาจะไม่มีใครได้ยินอีก เพราะหมดความหมาย

และประชากรที่เสียหายที่สุดคือชาวฮ่องกงนั่นเอง

สีจิ้นผิงคนนี้น่ากลัวจริงๆ ลึกซึ้งจริงๆ ไม่มีอีกแล้ว วันเวลาอย่างเทียนอันเหมิน มันคือวันเวลาของการฆ่านักศึกษากลุ่มหนึ่งไป แลกกับการเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างยาวนาน

ผู้นำจีนสมัยนั้น นึกอะไรไม่ออก ไม่มีทางเลือก แต่ยุคนี้ไม่ใช่ จีนมีทางเลือก และเส้นทางที่เลือก ก็เลือดเย็นอย่างที่สุด

ฉันไม่เห็นทางรอดของฝ่ายประชาธิปไตยเลย

ยิ่งทำยิ่งแย่ ยิ่งหมดตัว

วัชพืชสองชนิดนี้ปกคลุมโลกและทำลายโลกจริงๆ ทั้งที่รูปร่างหน้าตาของพวกมันแตกต่างกัน มันช่างเป็นกลุ่มคนไร้เดียงสาเหลือเกิน ฉันเองก็นึกไม่ออกถึงต้นกำเนิดของมัน หากฉันเดินสวนกับโจชัว หว่อง ฉันไม่กล้าจับมือกับเขา ยิ่งไม่ปรารถนาถ่ายรูปร่วมกับเขา

ที่แปลกคือ ฉันไม่ได้เกลียดเขา แต่ฉันหวาดกลัว

เหมือนฉันกลัวเชื้อไวรัสบางตัว ที่ตัวจริงของมัน อาจแสนซื่อ