กรองกระแส / รากฐาน การเมือง การเมืองเก่า การเมืองใหม่ ซากหักพัง การเมือง

กรองกระแส

 

รากฐาน การเมือง

การเมืองเก่า การเมืองใหม่

ซากหักพัง การเมือง

 

การปล่อยข่าวเรื่องปรับ ครม.โดยอาจตัดพรรคประชาธิปัตย์ออกไป มาพร้อมกับ 1 ปรากฏการณ์ 10 ส.ส.งูเห่า และ 1 การสร้างกระแสเรื่องการยุบพรรคอนาคตใหม่

นี่คือร่องรอยของการเมือง “เก่า” ที่ดำรงอยู่

การเกิดปรากฏการณ์ 10 ส.ส.งูเห่าสะท้อนให้เห็นการดำรงอยู่อย่างเปราะบางของการเมือง ไม่ว่าจะมองผ่านรัฐบาล ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคการเมือง

เพราะเปราะบางจึงต้องใช้บริการของงูเห่า

เพราะภายในของแต่ละพรรคการเมืองยังมีนักการเมืองที่หลงติดอยู่กับอามิสสินจ้างและรางวัลที่เสนอมา จึงก้าวเข้าสู่การทรยศต่อพรรคการเมืองของตน

ในนั้นมี 3 จากพรรคเพื่อไทย 2 จากพรรคอนาคตใหม่ 4 จากพรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 จากพรรคประชาชาติ

จากจุดนี้เองเมื่อประสานกับความเชื่อมั่นว่าจะต้องมีการยุบพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอนจึงเกิดความหวังว่าภายหลังการยุบพรรคจะบังเกิดสภาวะระส่ำระสาย และพรรคพลังประชารัฐก็สามารถใช้พลานุภาพในการดูดดึงคนเหล่านั้นเข้าสังกัด

จึงเกิดความมั่นใจ จึงเกิดความพร้อมที่จะข่มขู่และกดดันพรรคประชาธิปัตย์ให้สยบยอม

 

ภูมิทัศน์ การเมือง

การเมืองเก่า การเมืองใหม่

 

มิใช่ว่าความมั่นใจของพรรคพลังประชารัฐจะเลื่อนลอยไร้รากฐาน ความมั่นใจเช่นนี้เป็นเช่นเดียวกับความเชื่อที่ดำรงอยู่ในสังคม

เพราะเห็นมาแล้วจากยุบพรรคไทยรักไทยเมื่อปี 2550

เพราะเห็นมาแล้วจากยุบพรรคพลังประชาชนเมื่อปี 2551

ผลเมื่อปี 2550 คือเกิดการแยกตัวไปจัดตั้งพรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมาธิปไตย พรรคชาติพัฒนาใหม่ ผลเมื่อปี 2551 คือเกิดการแยกตัวไปจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย

จึงมั่นใจว่าเมื่อยุบพรรคอนาคตใหม่ก็จะนำไปสู่การแยกและแตกตัวเช่นเดียวกัน

ขณะเดียวกัน ในอีกด้านหนึ่งก็แสร้งมองข้ามว่า เมื่อยุบพรรคไทยรักไทยก็เกิดพรรคพลังประชาชน เมื่อยุบพรรคพลังประชาชนก็เกิดพรรคเพื่อไทย

จึงมิได้คิดว่าพรรคอนาคตใหม่จะมีการ “อวตาร” เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน

 

ภูมิทัศน์ การเมือง

ภูมิทัศน์เก่า-ใหม่

 

รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดพรรคไทยรักไทย หากแต่พรรคไทยรักไทยยังมีส่วนอย่างสำคัญในการก่อให้เกิดภูมิทัศน์ใหม่ในทางการเมือง

เป็นการเมืองเชิง “นโยบาย” เป็นประชาธิปไตยอย่างที่เรียกว่า “กินได้”

ผลก็คือ ได้ทำให้พรรคการเมืองที่ไม่มีการปรับตัว หากไม่สูญพันธุ์กลายเป็นพรรคต่ำสิบ ก็ถูกทำให้กลายเป็นพรรคระดับภาค พรรคระดับจังหวัด

ยิ่งไม่มีการสรุปบทเรียนจากเลือกตั้งปี 2544 มายังเลือกตั้งปี 2562 ยิ่งต้องบอบช้ำอย่างสาหัส

เพราะว่าในการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยยังสามารถยืนหยัดรักษาจุดจุดเด่นของพรรคเพื่อไทยเอาไว้ได้และครองชัยชนะ หากสภาพการณ์ทางการเมืองยังนำไปสู่การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่

ไม่เพียงแต่สืบทอดข้อดีจากพรรคไทยรักไทย หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังมีการพัฒนาและนำเสนอการเมืองรูปแบบใหม่ขึ้นมา

คะแนนที่ได้จาก 6.3 ล้านเสียงคือเครื่องยืนยันความสำเร็จ

ด้านหนึ่ง การเติบใหญ่อย่างก้าวกระโดดทำให้กลุ่มการเมืองเก่าเคียดแค้นชิงชังและมาดหมายจะบดขยี้และทำลาย โดยลืมและมองข้ามความพยายามเช่นเดียวกันนี้ที่เคยทำกับพรรคไทยรักไทย

ในอีกด้านหนึ่ง พรรคอนาคตใหม่จึงอยู่ในการตรวจสอบอย่างแหลมคมยิ่งของสังคม

 

การเมืองเก่า

การเมืองใหม่

 

รูปธรรมจากการสัประยุทธ์ทางการเมืองในการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เด่นชัดยิ่งว่าทำให้เกิดการเมืองที่แตกต่างกัน 2 ขั้ว 2 แนวทาง

ขั้วหนึ่ง เป็นการเมืองเก่า อีกขั้วหนึ่ง เป็นการเมืองใหม่

การเมืองเก่าสร้างพรรคด้วยกระบวนการเก่า ต้องการดึงการเมืองให้ถอยหลังและย้อนไปสู่อดีต การเมืองใหม่สร้างพรรคด้วยกระบวนการใหม่ ต้องการผลักดันการเมืองให้ก้าวรุดหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่พัฒนาและเป็นสากล

การเมืองเก่าสร้างปรากฏการณ์ “งูเห่า” การเมืองเก่าอาศัยการตั้งธงและสร้างสถานการณ์นำไปสู่การยุบพรรคอนาคตใหม่เหมือนที่เคยยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน

เพ้อฝันจะสร้างความแข็งแกร่งจากซากปรักหักพังแห่งอภินิหารทางกฎหมาย

     การปะทะระหว่างการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่จึงเป็นปรากฏการณ์สำคัญและล้วนอยู่ในสายตาของประชาชนและชาวโลก