จาก E.T. ถึง Waterworld อนาคตมนุษยชาติ “นิ้วใหญ่ขึ้น” หรือ “เพิ่มพังผืด”

ภาพจำจากหนังเรื่อง E.T. หรือ The Extra-Terrestrial ผลงานการกำกับฯ ของ Steven Spielberg เมื่อปี ค.ศ.1982 คือ “นิ้ว” ที่ “ยาว” และ “ใหญ่” โดยเฉพาะ “นิ้วชี้” ของ E.T.

แม้จะเป็นภาพยนตร์ที่เกิดจากการปรุงแต่งจินตนาการ ทว่า E.T. ก็มีพื้นฐานข้อมูลเกี่ยวกับ Alien หรือ “มะนาวต่างดุ๊ด-มนุษย์ต่างดาว” ปะปนอยู่ไม่มากก็น้อย

อย่างไรก็ดี Melissa Mathison คนเขียนบทหนัง E.T. คงไม่ได้พยากรณ์ถึงโลกอนาคตอีกเกือบ 40 ปีข้างหน้า คือ ณ พ.ศ.ปัจจุบัน ที่ “นิ้ว” ได้กลายเป็น “หนึ่งในอวัยวะหลัก” ของมวลมนุษยชาติไปแล้ว

เพราะการรุ่งเรืองและเฟื่องฟูของ “โทรศัพท์มือถือ” Smart Phone กับ Function กระบวนการทำงานแบบ Touch Screen ที่บังคับให้เราต้องใช้ “นิ้ว” เลื่อน-กด-ขยาย และ “สไลด์” หน้าจอ

 

Dr. Richard Young แห่ง University of California เจ้าของผลงานหนังสือ Human Origins and Evolution กล่าวเอาไว้ในบทความ Evolution of the Human Hand : The Role of Throwing and Clubbing ว่า ความเปลี่ยนแปลง บทบาทหน้าที่ “มือ” ของมนุษย์ค่อยๆ คลี่คลายจากยุคหิน มาจนยุคปัจจุบันที่มีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด

“…พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งกำหนดรูปแบบการเปลี่ยนแปลงสรีระของมือมนุษย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เราจึงพบโครงสร้างกระดูกนิ้วที่แตกต่างกันในยุคต่างๆ โดยเฉพาะ ทุกวันนี้ ที่มีแนวโน้มกระดูกข้อปลายของนิ้วโป้งรวมถึงนิ้วชี้ ที่อาจมีการขยายตัวมากขึ้นได้…”

หากเทียบกับชิมแปนซี ทิศทางที่นิ้วมนุษย์จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ในทางที่ “ใหญ่” ขึ้นมีความเป็นไปได้มาก Dr. Richard Young กระชุ่น

สอดคล้องต้องกันกับ Fran Dorey นักโบราณคดีแห่งพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติออสเตรเลีย ที่กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับนิ้วมือมนุษย์เอาไว้ในบทความ What will we look like in the future? ว่า พฤติกรรมการใช้ Smart Phone ส่งผลทางกายภาพของนิ้วมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน

“…งานวิจัยหลายชิ้นชี้ตรงกันว่า กล้ามเนื้อนิ้วโป้งของวัยรุ่นยุคใหม่กำลังปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ไม่ว่าจะมาจากเล่นวิดีโอเกม หรือการใช้โทรศัพท์มือถือที่ทันสมัยมากเกินไปก็ตาม…”

อย่างไรก็ดี การปรับตัวทางกายภาพเช่นนี้ เป็นพัฒนาการเฉพาะบุคคล ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในเชิงพันธุกรรม และจะไม่ส่งทอดสิ่งเหล่านี้ไปยังลูกหลาน Fran Dorey สำทับ

 

หากลองจินตนาการตามความคิดเห็นของ Dr. Richard Young และ Fran Dorey เราคงนึกภาพมนุษย์ในอนาคตที่มีอวัยวะครบ 32 ประการเหมือนในปัจจุบัน ทว่ามี “นิ้ว” ที่ใหญ่ เอาไว้สำหรับ “เล่นโทรศัพท์มือถือ” โดยเฉพาะ ก็คงจะเป็นเรื่องที่สนุก และแปลกประหลาดไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นเกี่ยวกับ “นิ้ว” ที่ “ยาว” และ “ใหญ่” โดยเฉพาะ “นิ้วชี้” ของเราที่อาจไปเหมือนกับ “นิ้ว” ของ E.T. ได้ในอนาคต จะกลายเป็นเรื่องเล็กไปในทันที เมื่อเราจะหันไปพูดถึง พัฒนาการที่น่าตกใจเกี่ยวการสร้าง “พังผืด” ที่ “มือ” และ “เท้า”

โดยเฉพาะฉากสำคัญจากภาพยนตร์เรื่อง Waterworld

Waterworld หนังปี 1995 ผลงานการอำนวยการสร้าง และแสดงนำ ของ Kevin Costner การกำกับการแสดงโดย Kevin Reynolds จินตนาการถึงฉากในอนาคตที่เรา “ไม่มีแผ่นดินจะอยู่” เพราะ “น้ำท่วมโลก” ผู้คนต้องอาศัยอยู่ในบ้านลอยน้ำ และสัญจรด้วยเรือ

ซีนสำคัญที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนภาพยนตร์เรื่อง Waterworld คือฉากที่ Mariner (รับบทโดย Kevin Costner) เหลือบไปเห็น “เท้า” ของ Enola (รับบทโดย Tina Majorino) สาวน้อยผู้เกิดมาก็พบกับ “น้ำท่วมโลก” หรือ Waterworld ทันทีที่ลืมตา

แม้จะเป็นฉากเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไม่มีความสลักสำคัญอะไรกับพล็อตเรื่อง ทว่าซีนนี้ได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับ Mariner โดยเฉพาะผู้ชมที่ช่างสังเกต ในแง่ที่ว่า มนุษยชาติเริ่ม “ปรับตัวเพื่ออยู่กับน้ำ” ในยุคที่เรา “ไม่มีแผ่นดินจะอยู่” ด้วยการพัฒนาอวัยวะ สร้าง “พังผืด” ขึ้นที่ “มือ” และ “เท้า” สำหรับใช้ในการดำรงชีวิตแบบ “ครึ่งบกครึ่งน้ำ” เช่นเดียวกับ “กบ”

Dr. Matthew Skinner ผู้ทรงคุณวุฒิด้านบรรพมานุษยวิทยาแห่ง University of Kent กล่าวถึงการสร้าง “พังผืด” ที่ “มือ” และ “เท้า” ของมนุษย์ในอนาคตเอาไว้ว่า การคาดการณ์เกี่ยวกับธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือที่กำลังละลายด้วยอัตราเร่งซึ่งผิดปกติ ทำให้แนวโน้มที่เหตุการณ์น้ำท่วมโลกจะปรากฏเป็นจริงในอนาคตอันใกล้ นี่คือเรื่องที่มีความเป็นไปได้สูง

“…พวกเราวิวัฒนาการตัวเองเพื่อความอยู่รอดเสมอมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเพื่อให้เผ่าพันธุ์ของเราอยู่รอดปลอดภัยต่อไปในอนาคต หนทางหนึ่งที่เราจะดำรงชีวิตในสภาพน้ำท่วมโลกได้อย่างสะดวกก็คือ การสร้าง “พังผืด” ที่ “มือ” และ “เท้า” ของเราขึ้นมา…” และว่า

แน่นอน เมื่อรอบตัวคุณมีแต่น้ำ 100% วิวัฒนาการที่ถูกต้องก็คือ การเพิ่ม “พังพืด” บริเวณ “ง่ามมือ” และ “ง่ามเท้า” สำหรับการ “ว่ายน้ำ”

“…ไม่เพียงเท่านั้น ร่างกายจะขจัดเส้นผมและขนบนผิวหนังให้เหลือน้อยลงจนอาจไม่มี เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวในน้ำ โดยเฉพาะการลดแรงต้านขณะดำน้ำ…” Dr. Matthew Skinner สรุป

 

สอดคล้องกับผู้ช่วยศาสตราจารย์ Dr. Gareth Fraser นักสัตววิทยาแห่ง University of Sheffield ที่กล่าวเอาไว้ในประเด็นเดียวกันว่า มนุษย์ในอนาคต เมื่อย้อนกลับมาเห็นรูปร่างหน้าตาของคนในปัจจุบันจากหลักฐานต่างๆ พวกเขาจะต้องตกใจ เพราะสรีระมนุษยชาติได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากมาย

“…สิ่งที่น่าตกใจ แต่ควรไม่ประหลาดใจก็คือ เมื่อมนุษย์กลายเป็น “สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ” แน่นอน เราต้องมี “พังผืด” เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการคมนาคมพื้นฐาน ซึ่งก็คือ “การว่ายน้ำ” นั่นเอง…” Dr. Gareth Fraser ชี้

ไม่เฉพาะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการ “เพิ่มพังผืด” หรือการ “ขยายนิ้ว” ให้ “ใหญ่ขึ้น” เท่านั้น เพราะมีการคาดการณ์จากนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ถึงรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนไปในลักษณะของการ “พลิกโฉม” มนุษยชาติในอนาคต

Dougal Dixon ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์และพืชดึกดำบรรพ์ เจ้าของผลงานหนังสือ Man After Man กล่าวว่า จากโครงการ “ดาวอังคาร” ของ NASA มีความเป็นไปได้ว่าพวกเราอาจอพยพไปดำรงชีพอยู่นอกโลกได้

“…ด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่า หากอารยธรรมโลกได้ล่มสลายลงไปในอนาคต มนุษย์ “ที่เหลือรอด” และ “ที่อยากอยู่รอด” คงต้องหนีไปอาศัยอยู่ในอวกาศ เมื่อเป็นเช่นนี้ ด้วยสภาพอากาศบนดาวอังคารที่เบาบาง ปอดของเราจะขยายใหญ่โตขึ้นอีกมาก อีกทั้งแรงโน้มถ่วงบนดาวอังคารที่ต่างจากโลกมนุษย์ก็จะส่งผลขาของเราสั้นลง เพราะไม่ได้ใช้เพื่อรองรับน้ำหนักตัวอีกต่อไป…”

เท้าของเราก็จะแบนลง และกว้างขึ้นด้วย เพื่อให้คล่องตัวในการดำรงชีวิตบนดาวอังคาร Dougal Dixon บอก

Dr. Matthew Skinner ทิ้งท้ายว่า หลังยุคน้ำท่วมโลก เราอาจต้องเข้าสู่ยุคน้ำแข็งอีกครั้ง และคราวนี้ สภาพร่างกายของคนเราจะเปลี่ยนไปคล้ายกับ Yeti หรือ “มนุษย์หิมะ” ที่พวกเราเคยตามหากันมานานนั่นเองครับ