คุยเปิดอก ‘ลี ฐานัฐพ์’ กับจุดอ่อน, ความผิดหวัง และความพยายามจะปกปิด

เพิ่งเข้าวงการมาได้เพียง 2-3 ปีก็จริง

แต่ความที่ “แววดี” ถึงตอนนี้พระเอกหนุ่ม ลี-ฐานัฐพ์ โล่ห์คุณสมบัติ จึงได้รับการป้อนงานจากบริษัท จีเอ็มเอ็ม ทีวี จำกัด ต้นสังกัด มาแล้วราว 10 เรื่อง

ล่าสุดก็ซีรี่ส์ “รักหมดใจ Endless Love” ที่กำลังออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.10 น. ทางช่อง Gmm25 และเวลา 22.00 น. ทาง LINE TV นั่นไง

ชายหนุ่มวัย 26 ปี ที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต ว่าอยากเป็นนักดนตรี และพากเพียรฝึกเล่นกีตาร์มาตั้งแต่ 10 ขวบ แต่กลับจับพลัดจับผลูมาได้งานการแสดง ซึ่งไม่เคยคิดฝันมาก่อน เล่าว่า ที่ผ่านมาวงดนตรีที่เขากับเพื่อนๆ ร่วมกันก่อตั้งขึ้น เคยไปร่วมประกวดและแข่งขันมาหลายครั้ง แต่ผลก็ไม่เป็นอย่างที่คิด

อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวถึงแม้ตอนนี้จะมีอาชีพนักแสดง แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งดนตรีอันเป็นที่รัก ด้วยเหตุนี้จึงดีใจนัก ทุกครั้งที่ต้นสังกัดยังมีงานด้านดนตรีให้ได้ทำบ้าง ผ่านรายการโทรทัศน์ รวมถึงในการออกอีเวนต์ต่างๆ

และที่มือกีตาร์อย่างเขา เล่าให้ฟังพร้อมรอยยิ้มเขินๆ คือ “ตอนนี้กำลังพยายามฝึกร้องเพลงอยู่”

เป็นการฝึกโดยมีจุดมุ่งหมายว่า ไม่ใช่แค่ “ร้องได้” แต่ต้อง “ร้องให้ดี” ตามพื้นฐานนิสัยที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ

“ผมเป็นพวกค่อนข้างเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์” ลีพูดประโยคนี้ด้วยท่าทีจริงจัง

จากนั้นก็ว่า “ถ้าทำงานแล้วได้ไม่เกิน 80% ผมไม่อยากทำ”

“ให้ผมไปร้องเพลง ถ้าผมร้องได้แค่ 50% ผมจะรู้สึกผิดหวังกับตัวเอง การแสดงก็เหมือนกัน ถ่ายบางซีนรู้สึกว่ามันไม่ได้ มันไม่ถึง ก็จะรู้สึกแย่”

เหตุที่เป็นอย่างนั้น ลีบอกว่าเขาเองก็ไม่แน่ใจ แต่คาดว่าอาจมาจากความไม่มั่นใจในตัวเอง ประกอบกับความเป็นคนคิดเยอะ ใครพูดอะไรก็เก็บมาคิด ใครติอะไรก็เก็บมาใส่ใจ

“ทุกคำด่าของพ่อแม่ ตั้งแต่เด็กผมก็เอามาคิด พ่อบอกว่ากลัวผมจะไม่มีอนาคต แล้วพ่อชอบอะไร ชอบการศึกษา ผมเรียนต่อโทเลย หรือคนบอกว่าอาชีพของเราไม่มั่นคง ผมก็จะทำอาชีพอื่นที่มั่นคงมาเสริม”

“จะทำทุกอย่างเพื่อปกปิดทุกจุดอ่อนที่ตัวผมมี”

โดยในแง่อาชีพมั่นคงที่คิดไว้ คือเขาตั้งใจว่าในอนาคตจะทำธุรกิจอพาร์ตเมนต์ให้เช่า เหมือนที่ครอบครัวเขาเองก็ทำอยู่

ขณะที่ในส่วนวงการบันเทิงก็จะพยายามพัฒนาให้มีความสามารถรอบด้าน

การเป็นคนคิดเยอะ ในทางหนึ่งลีบอกว่าก็ดีในแง่ที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความพยายาม แต่ในอีกด้าน “ผมก็กลัวเส้นเลือดในสมองจะแตก” เขาสารภาพ

ครั้นถามไปว่าชีวิตของคนคิดมาก-มาก-มาก นั้น มีความสุขดีไหม?

“มันก็สนุกกับการท้าทายตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ” คือคำตอบที่เขาให้

เมื่อว่างจากงาน ลีบอกว่าการพักผ่อนที่เขาชอบมากที่สุด คือการอยู่กับบ้าน หรือการพาพ่อกับแม่ไปเที่ยว หรือไปทานอาหารที่พวกท่านอยากทาน

“นั่นคือความสุขมากเลย” เขาว่า

ลีซึ่งผ่านการใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่น แบบอยู่กับเพื่อนมาอย่างเต็มที่ บอกว่า ที่ตอนนี้เขากลับมาเอาใจใส่ครอบครัว ก็ด้วยความรู้สึกว่า โตแล้ว อายุ 26 ปีแล้ว พี่สาวอีก 2 คนก็มีภาระ เขาจึงควรเข้ามารับผิดชอบ

ขณะเดียวกัน การได้เห็นพ่อกับแม่ของเพื่อนๆ ทยอยจากไป ก็ทำให้ยิ่งตระหนักกับสิ่งที่มีค่าในชีวิต

ทุกวันนี้ลีบอกว่า นอกจากกล้องแบบวินเทจ 4-5 ตัว กับกีตาร์ อันเป็นของรัก ของหวง จำนวน 10 กว่าตัวแล้ว เขาก็ไม่ค่อยเก็บอะไรอีก

“เงินที่ได้ผมให้แม่เก็บหมด”

ซึ่งเปล่านะ, ไม่ใช่ว่าจะเป็นลูกที่ดีหรืออะไร เขาออกตัว แต่ที่ทำอย่างนั้นก็เพื่อ “ป้องกันการใช้เงินรั่วไหล”

“แล้วผมไม่ทำบัตรเครดิต มีแค่บัตรเดบิต แล้วแม่จำกัดวงเงินไว้ 20,000 บาทต่อวัน แต่ผมใช้เต็มที่วันหนึ่งก็ 1,000 บาท”

ที่เหลือก็สะสมไว้สร้างอพาร์ตเมนต์ตามเป้าหมาย

กับงานแสดงนั้น ลีบอกว่าในความรู้สึกเขา มีทั้งที่รู้สึกสนุกกับไม่สนุกปะปนกันไป

“บางทีมันก็เหนื่อยมาก” เขาว่า

“แต่เวลาเหนื่อย ผมก็จะคิดว่าวันนี้ผมออกกองตอน 6 โมงเช้า เลิกกองเที่ยงคืน ซึ่งผมไม่ควรจะบ่น เพราะทีมงานตากล้อง ทีมไฟ เขาตื่นก่อน เลิกทีหลัง เรายังดีกว่าเขา”

ส่วนเรื่องที่เดี๋ยวนี้เวลาไปไหนมาไหนแล้วมีคนเข้ามาทักทายมากขึ้นๆ ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นดารา หรือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยที่คิดอยู่เสมอ คือ “ผมก็เป็นแค่คนทำงานคนหนึ่ง เหมือนพนักงานออฟฟิศธรรมดา”

เป็นพนักงานที่พยายามรับผิดชอบหน้าที่ และพยายามทำงานให้ดีที่สุด

เพื่อผู้ชมจะได้ชมงานที่ดี และเพื่อตัวเขาเองจะได้ภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำ