| เผยแพร่ |
|---|
โดย ปรัชญา นงนุช
กลายเป็นสัปดาห์สะเทือน หัวขบวนคสช.-รัฐบาล หลัง ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผย มีคนคิดขู่ฆ่าผ่านโซเชียลมิเดีย ทำเอาต้องเร่งหาต้นตอมาจากไหน แม้สื่อถามย้ำ 2 วันติด ว่ามาจากไหน ก็ให้สื่อไปดูไปหาเอง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นแบบชัดๆ ว่าใครคิดร้ายกับ พล.อ.ประวิตร ถึงขั้นเอาชีวิต
“ไม่รู้จริงหรือไม่ จะเป็นกลุ่มไหน ใครเขียน ให้สื่อไปดูเอง เยอะไปหมด” พล.อ.ประวิตร เผย
ส่วนจะหวั่นไหวไหมนั้น พล.อ.ประวิตร ระบุ “จะหวั่นไหวหรือไม่หวั่นไหว ก็ต้องระวังตัว เพราะมีความคิดแบบนี้ ทั้งที่ผมทำให้ประเทศ”
ลามไปถึง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ถูกขู่ฆ่าด้วย หลังกองทัพบกสืบพบต้นตอข่าวเป็นเจ้าของร้านเกมในห้างดัง ทำเอาเป็นประเด็นร้อนส่งท้ายสัปดาห์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือ ข่าวจริง ข่าวปล่อย เพราะมีความคิดแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว
แม้แต่หัวเรือใหญ่คสช. อย่าง ‘บิ๊กเจี๊ยบ’พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช. ก็ออกมา ยืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะมีคนคิดขู่ฆ่า ‘บิ๊กป้อม’และนายกฯ จึงย้ำถึงมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มวงดอยู่แล้วกับบุคคลสำคัญของรัฐบาล ส่วนจะเป็นข่าวที่กุขึ้นเพื่อเบี่ยงเป็นประเด็นหรือไม่ ตนตอบไม่ได้เพราะไม่ได้ถูกข่มขู่
“ผมไม่รู้เพราะไม่ได้ถูกขู่ ต้องถามรองนายกฯเอง แต่ตนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง เพราะในโซเชียลใครก็เขียนได้” บิ๊กเจี๊ยบ เผย
”เชื่อว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ประมาท และสถานการณ์วันนี้ทุกคนอยากให้บ้านเมืองสงบ เดินไปข้างหน้าได้ เชื่อว่าไม่มีอะไร ส่วนคนขู่ก็ขู่ ถ้าล่วงเกินกฎหมาย ก็ต้องดำเนินการ” พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวทิ้งท้าย
จุดเริ่มต้นของข่าวนี้มาจาก พล.อ.ประวิตร ไม่สบอารมณ์ที่สื่อถามว่ารัฐบาลนี้จะโดนรัฐประหารซ้อนไหม ทำเอาพล.อ.ประวิตร ต้องยืนยันไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะทหารเป็นหนึ่งเดียว รัฐบาลและคสช.เป็นหนึ่งเดียว มีแต่สื่อที่คิดว่าจะมีปฏิวัติ บทรายงานก็เขียนกันไป แบบมีคนเขียนจะฆ่าผม ทำไมไม่ถามแบบนี้บ้าง
เป็นคำที่ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ระดับ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่น่าจะสมมุติหรือเปรียบอะไรแบบนี้ แต่จะเปรียบหรือทิ้งปมเพื่อจะส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ หรือแค่เพียงกลบข่าวอะไรบางอย่างที่กำลังจะเกิดก็เป็นได้
หากกรองข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีข่าวอะไรที่โดดเด่นเท่า ‘บิ๊กป้อม’ทำเรื่องคณะกรรมการเตรียมสร้างความปรองดองและการเซอร์เวย์โรงซ่อมสร้างยุทโธปกรณ์ ที่โคราช ที่มีการเปิดเผยเบื้องต้นว่าเพื่อรองรับ รถถังVT-4 ของจีนที่ไทยสั่งซื้อมา เพื่อถ่ายทอดพัฒนาเทคโนโลยี ลดขั้นตอนการส่งซ่อม เรียกว่าเป็น “บริการหลังการขาย” แม้จะยังไม่มีการลงนามอะไรก็ตาม เป็นเพียงการสำรวจพื้นที่ของไทยและจีน
กระนั้นยังไม่จบ มีการเปิดเผยผ่านนายทหารสาย’บิ๊กป้อม’ให้คิดว่าทำไม พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาพูด โดยที่ไม่มีสื่อไปถาม หรือยังไม่มีประเด็นที่เริ่มร้อนเลย
“พี่ป้อมพูดก่อน ไม่ได้มีสื่อไปถามด้วย นั่นแหละ เพราะพี่ป้อมต้องการส่งสัญญาณเตือนไปคนที่จะทำ ว่ารู้นะว่ามีคนคิดร้าย ก็เป็นไปได้อยู่” นายทหารสาย’บิ๊กป้อม’เผย
แต่คำพูดของบุคคลใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร เปรยมาแบบนี้ ก็เป็นไปได้ว่ามี “คนคิดร้าย” จริงๆประกอบกับพล.อ.ประยุทธ์ได้ออกมาตอบโต้กรณีนี้ว่า เป็นกลุ่มหมิ่นสถาบันในต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการข่มขู่นี้
“ก็อยู่ในโซเชียลมีเดีย และกำลังหาตัวอยู่ ต้องถามว่ามันเอาข้อมูลจากไหนมาโพสต์ เพราะว่ามันมีพวกละเมิดสถาบันอยู่ ซึ่งอยู่ต่างประเทศ คนพวกนั้นแหละมันพูดก่อน แล้วพวกเธอจะไม่ดูแลฉันหรือ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
กระนั้นนายกฯ ก็รู้ตัวเช่นกันว่า ตัวเองก็ถูกข่มขู่ แต่ไม่ประมาทและไม่ขอท้าทาย ยืนยันจะทำความดีต่อ เพราะชะตากรรมประเทศสำคัญกว่าชีวิต ตามม็อตโต้ที่ว่า Country First ของ ‘บิ๊กตู่’นั่นเอง
“ผมเองก็ไม่ได้ประมาทและท้าทายใคร เพราะคิดว่าผมทำแต่ความดี ฉะนั้นใครไม่เห็นความดีของผมก็ช่วยไม่ได้ ชะตาชีวิตทุกคนมีอยู่แล้ว แต่ผมเห็นแก่ชะตากรรมประเทศมากกว่าชีวิตผม”นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย
แต่ท่วงท่าของ ‘บิ๊กป้อม’ ก็ไม่หวั่นไหวนัก แม้จะมีคำขู่แบบนี้ แต่ขอระวังตัวไว้ก่อน มาตรการรักษาความปลอดภัยของพล.อ.ประวิตร ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมีความเข้มงวดตั้งแต่ต้น
มาลุ้นกันเมื่อวันทหารผ่านศึก 3 ก.พ. ที่มีงานกลางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีอาคารสูง ทางเดินลอยฟ้าล้อมรอบ เกรง พล.อ.ประวิตร จะตกเป็นเป้านิ่ง ทีมรปภ.ยื่นล้อม ทุกด้าน แต่’บิ๊กป้อม’ก็หยุดคุยกับสื่อ หลายสิบนาที ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่ก็ทราบดีถึงเหตุการณ์ในอดีต กรณี’เสธ.แดง’พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ที่ถูกรอบยิงด้วยอาวุธสงคราม ที่แยกศาลาแดง ตรงสวมลุมพินี ช่วงการชุมนุมของกลุ่มนปช.ปี53 ขณะให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ ทำเอา ‘บิ๊กป้อม’ หวั่นเล็กน้อย ก่อนเดินไปมา เพื่อไม่ให้เป็นเป้านิ่ง
แต่ความระทึกอยู่ที่หลังเร็จพิธีวางพวงมาลาเสร็จสิ้น ขณะพล.อ.ประวิตร จะเดินไปขึ้นรถ มีหทารผ่านศึกคนหนึ่ง วิ่งมาประชิดตัว ทำเอาทีมรปภ.ไม่ทันตั้งตัว มากอดและหอมท้อง พล.อ.ประวิตร บอกว่าเป็นนายเก่าสมรภูมิน่าน สมัย พล.อ.ประวิตร เป็น’ร้อยตรี’ และสวมเสื่อติดเครื่องหมาย ร.21 รอ. ด้วย
“คิดถึงนาย มาหานาย เหนื่อยไหม ผมมาหานาย จะได้หายเหนื่อย ขอให้สุขภาพแข็งแรงๆ” ทหารผ่านศึก กล่าวถึงนายเก่า
ทีม รปภ. จับตาทุกจังหวะเคลื่อนไหวของทหารผ่านศึกที่เข้ามาโผกอด แต่บิ๊กป้อม ยังอยู่ในความ “งง” ว่ามาจากไหนและเป็นใคร
หากเป็นสถานการ์ที่ก่อนเกิดข่าวขู่ฆ่า ก็คงไม่ตื่นตระหนักกันเท่านี้ แต่เมื่อข่าวแพร่กระจาย แน่นอนว่า พี่ใหญ่คนนี้ ต้องได้รับการดูแลเต็มที่
ประจวบเหมาะกับช่วงนี้ที่นายกรัฐมนตรี รู้ว่าพล.อ.ประวิตร หงุดหงิด กับข่าวการตั้ง’คณะกรรมการสร้างความปรองดอง’ที่สื่อถามทุกวัน จึงต้องออกมาตอบโต้แทน เรื่องการคุยปรองดอง ย้ำไม่มีดีลกับใครทั้งสิ้น และไม่มีเรื่องนิรโทษกรรม และรู้ว่า’บิ๊กป้อม’เหนื่อย จึงเป็นที่มาของการเตรียมออก ม.44 เพื่อใช้ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ
“จะเป็นจะปรับแผนการแต่งตั้งตำรวจ สร้างความชอบธรรมให้ตำรวจ หลังมีกล่าวอ้างรับเงินรับทอง จากที่ระดับข้างบนพิจารณาแต่งตั้ง แล้วให้รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร ดูชื่อคนเดียว 300 ตำแหน่ง เหนื่อยเกินไป เปลี่ยนเป็นกลั่นกรองตามลำดับชั้น และให้ผบ.ตร.ลงนามขั้นสุดท้าย” นายกฯ กล่าว
ความเหนื่อยนี้ไม่ธรรมดา สอดรับกับข่าวช่วงหลังปีใหม่ ที่มีคนสังเกตเห็นรอยที่แก้ม ‘บิ๊กป้อม’ 2 ข้าง เลยคิดกันว่า ที่รอยสายออกซิเจน จน ‘บิ๊กป้อม’ คลายปม ว่า “เราใส่หน้ากากว่ายน้ำ ไม่ใช่สายออกซิเจน”
ที่การสังเกตุนี้เกิดขึ้นมา เพราะ ‘บิ๊กป้อม’ เคยมีข่าวเป็นลมและบ่นเหนื่อย หลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งอายุ 72 ปี ที่ต้องทำงาน ประชุมเช้า-บ่าย ลงพื้นที่ และติดตามงานช่วงวันหยุดอีก
และพล.อ.ประวิตร ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเคยล้มไปประมาณ 3ครั้ง มีครั้งหนึ่งหัวฟาดพื้น บริเวณด้านหลังศีรษะ ทำเอาหลายคนตกใจ เพราะด้วยอายุและขาที่ยังเจ็บอยู่บ้าง
ตั้งแต่ปี 2560 ที่ ‘บิ๊กป้อม’ ไม่หลุดครม. และผ่านไปเพียง 1 เดือน ก็กลับมา’คืนฟอร์ม’อีกครั้ง แต่การ’คืนอร์ม’ก็มาทั้งกับข่าวที่ดี และ ข่าวที่ข่มขวัญ ถึงขั้นเอาชีวิต
แต่ยุคนี้ไม่ใช่ ‘บิ๊กป้อม’ แล้ว แต่เป็น ‘ป้อม ปรองดอง’ ที่ต้องดีลกับทุกฝ่าย จนได้ชื่อใหม่ว่า ‘Mr.ดีล’ ไปเรียบร้อยแล้ว ถามว่า ‘บิ๊กป้อม’ ชอบชื่อใหม่รึเปล่า
พล.อ.ประวิตร ถามกลับจะให้ไป’ดีล’กับใคร แต่ไม่ปฏิเสธชื่อ แถมยิ้มให้ แสดงว่าชื่อนี้ อาจจะถูกใจก็เป็นได้
สู้ต่อไป ‘Mr. ดีล’ !!
