เปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” ​เจ้าสัวธนินท์เผยใช้เวลาทำ-สร้างสรรค์นาน8ปี

สนพ.มติชน ร่วม ซี.พี. เปิดเวทีถอดบทเรียนชีวประวัติ​เจ้าสัวธนินท์ พร้อมเปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว”
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ที่ เดอะพอทอล บอลรูม อิมแพ็ค​ เมืองทองธานี เครือเจริญ​โภคภัณฑ์​ (ซี.พี.)​ ร่วมกับ สำนักพิมพ์มติชน จัดงานเปิดตัวหนังสือ “ความสำเร็จดีใจได้วันเดียว” ณ งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 24 ซึ่งได้รับโอกาสพิเศษจาก นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส​ เครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยภายในงานมีบุคคลสำคัญในทุกแวดวงมาร่วมแสดงความยินดี อาทิ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงคณะผู้บริหารระดับสูงจากเครือเจริญโภคภัณฑ์ อาทิ นายณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และครอบครัวเจียรวนนท์ พร้อมด้วยผู้บริหาร​จากเครือมติชน อาทิ นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) นายฐากูร บุนปาน กรรมการผู้จัดการ และนางสาวปานบัว บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายการตลาด ตลอดจนคนรักการอ่าน ที่มารวมงานมากกว่า 800 คน

นายธนินท์ กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้ ได้ใช้เวลาในการสร้างสรรค์และผลิตหนังสือเล่มนี้นานกว่า 8 ปี เพราะต้องการให้เห็นว่าในช่วงเวลานั้นมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แล้วตนผ่านเรื่องเหล่านั้นมาได้อย่าง เพื่อถอดบทเรียน และให้แนวคิดจากประสบการณ์​ที่ได้สั่งสมมายาวนาน ผ่านเรื่องราวที่มีทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จ เส้นทางชีวิต วิธีคิด และการสร้างธุรกิจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจ​ให้กับคนรุ่นหลัง โดยเฉพาะ​นักธุรกิจ​รุ่นใหม่ (สตาร์ทอัพ)​

“เป็น 8 ปีที่ทำให้มีเวลาคิดเพราะในชีวิตจริง ไม่เคยคิดที่จะทำหนังสือได้แต่อ่านหนังสือที่เป็นประวัติของคนเก่ง อย่าง แจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของกลุ่มอาลีบาบา ซึ่งต้องยกให้เป็นอาจารย์ กรณีแจ็ค หม่า เคยได้พบแต่ตอนนั้นเขายังเด็ก มารู้จักกันจริงๆ ก็ต้อนที่เขามีชื่อเสียงแล้ว เขาชวนผมไปลงทุน อธิบายเกี่ยวกับธุรกิจทั้งหมดให้ผมฟัง แต่ผมไม่หกล้าลงทุนด้วย เพราะผมไม่รู้และไม่เห็น ผมจะกล้าลงทุนเฉพาะ​ธุรกิจ​ที่เห็นแล้วนำมาต่อยอดได่เท่านั้น ผมยังเป็นนักธุรกิจ​รุ่นเก่า จนเขาเห็นภูเขา แต่ผมยังเห็นเป็นต้นไม้ จนกระทั่งเขามาลงทุน จึงเห็นความสำ​เร็จ​” นาธนินท์กล่าว

นายธนินท์​ กล่าวต่อว่า ผมเริ่มอยากทำธุรกิจค้าปลีกโดยเริ่มจากเซเว่นอีเลฟเว่น ตัวเข้าไปศึกษาตลาดและสหรัฐอเมริกาที่ประสบความสำเร็จมากในเรื่องนี้ โดยเชิญ ผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐเข้ามาดูงานในไทย เขาบอกว่าดีแต่ไม่แนะนำให้ลงทุนในไทย เพราะกำลังซื้อของไทยต่ำเกินไป ยังไม่พร้อมให้เลิกคิด แต่ผมรู้จักเมืองไทยดี แม้กำลังซื้อจะต่ำแต่จากดูทำเลที่ตั้งของเซเว่น แต่ละสาขามีคนเยอะ ขณะที่ต้นทุนการผลิตของไทยต่ำกว่า จึงคิดว่าเป็นธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ และในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จจริง เป็นธุรกิจที่มีอนาคต ที่ผมคิดแบบนี้ เพราะมั่นใจว่า อะไรก็ตามที่ทำให้คนสะดวกขึ้นทั้งเทคโนโลยี​และร้านค้า จะเป็นธุรกิจที่ต่อยอดได้ ซึ่งในอดีตผมก็ประสบผลสำเร็จเรื่องไก่มาแล้ว จากที่ไก่ราคาสูงกว่าเนื้อหมูเนื้อวัว จากช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาไก่ถูกมากทุกวันหาซื้อได้ เพราะการผลิตใช้คนเพียง 1 คน เพื่อเลี้ยงไก่ 10,000 ตัว ขณะที่ไก่ ได้วิเคราะห์​วิจัยเลี้ยงเพียง 45 วัน ก็ได้ขนาด 4 กิโลกรัมแล้ว ฉะนั้น ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ในชีวิตตนก็ได้เจอความล้มเหลว​มาแล้วในช่วงวิกฤต​ต้มยำกุ้ง ทำเอามืดแปดด้าน บริษัทที่มีหนี้สินต่างประเทศล้มไปเลย เช่นเดียวกับธุรกิจ​ซี.พี. พี่น้องทั้งหมด 4 คน เริ่มเป็นห่วงและหาทางออกโดนตนสัญญาว่าจะคงธุรกิจ​เดิมเอาไว้ และขายธุรกิจใหม่ในณะนั้น คือ ทรู แม็คโคร​ โลตัส และเซเว่นอีเลเว่น แต่มีคนซื้อไปเพียง 2 ธุรกิจ​เท่านั้นตือ โลตัส และแม็คโคร​ อย่างอื่นไม่มีคนซื้อ ถ้าตอนนั้นขายทรูไปก็จบทึกธุรกิจรอดหมด และยังมี​ธุรกิจ​ที่ผมคาดเดายากนั่นคือเคเบิ้ลใต้น้ำ ที่มีมูลค่าสูงมากแต่ก็ล้มเหลว เพราะมีระับบโทรฟรีผ่านอินเตอร์​เน็ต​เกิดขึ้น

“ผมเหนื่อยมากและธนาคารก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ จึงให้นายศุภชัย เข้ามาดูแลทรู จนตอนนี้เป็นธุรกิจที่มีโอกาส วิกฤต​ที่เกิดขึ้นเป็นบทเรียนที่ทำให้รู้ว่าอย่าหยุดนิ่ง ทั้งตอนรุ่งเรือง ต้องหาทางรับมือ หากธุรกิจนั่นล้มและตอนที่ล้มต้องหาทางรับมือ เพื่อกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ทุกอย่างมีล้มและพลาดได้ที่สำคัญ อย่าตาย เอาชีวิตให้รอดไว้ เพราะเราเสียเวลา กับการเล่าเรียนไปเยอะ นายไปแล้วก็ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น” นายธนินท์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเปิดตัวหนังสือฯ ครอบครัวของนายธนินท์​ ได้ขึ้นมามอบดอกไม้ แต่ขาดภรรยาและลูกชายคนโตที่ติดภารกิจไม่สมารถมาร่วมยินดีด้วยได้ แต่ได้ฝากลูกสาวคนโตมากล่าวแสดงความยินดี ซึ่งบรรยากาศ​เป็นไปด้วยความอบอุ่น หลังจากนั้น นายธนินท์​ ได้มอบหนังสือพร้อมลายเซ็น​ให้กับผู้อ่านที่โชคดีกว่า 50 คน