กรองกระแส / การเมืองวันนี้ สงครามทำลายล้าง เปิดหน้าเล่น

กรองกระแส

 

การเมืองวันนี้

สงครามทำลายล้าง

เปิดหน้าเล่น

 

หากดูท่าทีการโต้ตอบระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งพรรคพลังประชารัฐในเรื่อง “คลิปเสียง” กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย เหมือนกับเป็นเรื่องท้าทายกันอย่างธรรมดา ปรกติในทางการเมือง

นั่นก็คือ คนหนึ่งระบุว่ามี “คลิปเสียง” อีกคนหนึ่งก็สวนกลับว่า หากมีก็เปิดออกมาเลย อย่าได้เก็บงำเอาไว้

เป็นการพูดไปหัวเราะไป

กระนั้น หากศึกษากระบวนการโต้ตอบระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐก็จะนำไปสู่สภาพอันสะท้อนปัญหาใจกลางของ 2 พรรคการเมืองอย่างเด่นชัด นั่นก็คือ พรรคการเมืองหนึ่งมีเสียงน้อยกว่าอีกพรรคการเมืองหนึ่งจึงต้องการคน ต้องการเสียงมาสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง

เจตนาเช่นนี้ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน ล้วนแสดงออกอย่างแจ้งชัดในความปรารถนาของตน

เท่ากับเป็นการประกาศเป้าหมายและความปรารถนาทางการเมืองอย่างไม่อ้อมค้อม

เท่ากับชี้ให้เห็นว่าปัญหาของพรรคพลังประชารัฐคืออะไร เท่ากับชี้ให้เห็นว่าอะไรที่ว่านั้นหนักหน่วงและจำเป็นต้องอาศัยคณิตศาสตร์การเมืองมาคลี่คลาย

นั่นเองจึงนำไปสู่การประกาศการดูดอย่างไม่ปิดบังอำพราง

 

คณิตศาสตร์การเมือง

เนื่องแต่ “รัฐธรรมนูญ”

 

บทสรุปไม่ว่าจะจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้  DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ไม่ว่าจะได้รับการเฉลยอย่างเป็นรูปธรรมโดยนายวีระกร คำประกอบ ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยกร่างเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”

จากผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ

นั่นก็คือ มี 249 ส.ว. มี 251 ส.ส.ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี รวมแล้วเป็นจำนวน 500 คนในที่ประชุมรัฐสภา

เท่ากับว่าประสบความสำเร็จในการสืบทอดอำนาจได้ครบถ้วน

ด้านหนึ่ง นั่นเป็นผลงานและชัยชนะของรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ภายในผลงานและความสำเร็จนั้นก็เกิดสภาพที่ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกเข้ามาด้วยจำนวนมากเป็นอันดับ 1 คือ 136 เสียง หากแต่พรรคอนาคตใหม่ยังได้รับเลือกเข้ามาอันดับ 3 คือ 88 เสียง

แม้จะมีการใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” ลดทอนจำนวน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ลงมาเป็น 81 เสียง แต่คณิตศาสตร์การเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ก็ยังสร้างความหวาดพรั่นในทางการเมือง

ตรงนี้เองจึงจำเป็นต้องเปิดปฏิบัติการแยกสลายและทำลายล้างตามมา

 

แยกสลายเพื่อไทย

กำจัดอนาคตใหม่

 

มีความพยายามต่อสายเพื่อดูดคนของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะโดยความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ว่าจะโดยการทาบทามซื้อตัว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

การรุกไล่ผ่าน “อภินิหารทางกฎหมาย” จึงเป็นมาตรการสำคัญ

ไม่ว่าจะด้วยการกระหน่ำคดีความตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เข้าไปประสานเข้ากับเรื่องใหญ่ๆ ที่รุนแรงถึงขั้นอาจเป็นการตัดสิทธิหรือยุบพรรค

สร้างความพะว้าพะวังให้กับแกนนำพรรคอนาคตใหม่แทบไม่ต้องทำงาน

ขณะเดียวกัน ต่อพรรคเพื่อไทยนอกจากคดีความในลักษณะเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่แล้วอีกมาตรการหนึ่งซึ่งสำคัญ คือความพยายามในการแยกสลาย ทำลายคณิตศาสตร์เดิม เมื่อไม่สามารถดูดเอามาได้โดยตรงก็ใช้อามิสเข้าไปสร้างความหวั่นไหว

ดังที่เกิดขึ้นระหว่างการตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สุรินทร์ ดังที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ เสนอให้ทั้งผลประโยชน์เงินทอง ตำแหน่ง และให้หลุดพ้นจากคดีความ

เป้าหมายก็เพื่อก่อให้เกิดความหวาดระแวง คลางแคลงภายใน และร้ายแรงถึงขั้นมีการแยกตัวในทางความคิดและในทางการจัดตั้ง

นี่คือสงคราม นี่คือความต่อเนื่องจากผลการต่อสู้ในสนามการเลือกตั้ง

 

สงครามการเมือง

รุนแรงและแตกหัก

 

แม้ว่าท่วงทำนองไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคอนาคตใหม่ จะกลั้วด้วยเสียงหัวร่อ ประสานกับการตอบโต้ผ่านวาทกรรม แต่ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ไม่อาจปัดปฏิเสธได้

นั่นก็คือ พรรคพลังประชารัฐถือพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ เป็นปรปักษ์ เป็นศัตรูที่ต้องการทำลายล้างในทางการเมือง

นี่มิได้เป็นเรื่องถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนคนกำลังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์

การต่อสู้ที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งว่า นี่คือการทำสงคราม

    นี่คือการทำลายและโค่นล้มทางการเมืองที่ไม่ปรานีปราศรัย