ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 กันยายน - 3 ตุลาคม 2562 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
การเมืองวันนี้
สงครามทำลายล้าง
เปิดหน้าเล่น
หากดูท่าทีการโต้ตอบระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งพรรคพลังประชารัฐในเรื่อง “คลิปเสียง” กับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แห่งพรรคเพื่อไทย เหมือนกับเป็นเรื่องท้าทายกันอย่างธรรมดา ปรกติในทางการเมือง
นั่นก็คือ คนหนึ่งระบุว่ามี “คลิปเสียง” อีกคนหนึ่งก็สวนกลับว่า หากมีก็เปิดออกมาเลย อย่าได้เก็บงำเอาไว้
เป็นการพูดไปหัวเราะไป
กระนั้น หากศึกษากระบวนการโต้ตอบระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐก็จะนำไปสู่สภาพอันสะท้อนปัญหาใจกลางของ 2 พรรคการเมืองอย่างเด่นชัด นั่นก็คือ พรรคการเมืองหนึ่งมีเสียงน้อยกว่าอีกพรรคการเมืองหนึ่งจึงต้องการคน ต้องการเสียงมาสร้างความมั่นคงให้กับตนเอง
เจตนาเช่นนี้ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่านายสมศักดิ์ เทพสุทิน ล้วนแสดงออกอย่างแจ้งชัดในความปรารถนาของตน
เท่ากับเป็นการประกาศเป้าหมายและความปรารถนาทางการเมืองอย่างไม่อ้อมค้อม
เท่ากับชี้ให้เห็นว่าปัญหาของพรรคพลังประชารัฐคืออะไร เท่ากับชี้ให้เห็นว่าอะไรที่ว่านั้นหนักหน่วงและจำเป็นต้องอาศัยคณิตศาสตร์การเมืองมาคลี่คลาย
นั่นเองจึงนำไปสู่การประกาศการดูดอย่างไม่ปิดบังอำพราง
คณิตศาสตร์การเมือง
เนื่องแต่ “รัฐธรรมนูญ”
บทสรุปไม่ว่าจะจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ไม่ว่าจะได้รับการเฉลยอย่างเป็นรูปธรรมโดยนายวีระกร คำประกอบ ที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยกร่างเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี”
จากผลการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ
นั่นก็คือ มี 249 ส.ว. มี 251 ส.ส.ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี รวมแล้วเป็นจำนวน 500 คนในที่ประชุมรัฐสภา
เท่ากับว่าประสบความสำเร็จในการสืบทอดอำนาจได้ครบถ้วน
ด้านหนึ่ง นั่นเป็นผลงานและชัยชนะของรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน ด้านหนึ่ง ภายในผลงานและความสำเร็จนั้นก็เกิดสภาพที่ไม่เพียงแต่พรรคเพื่อไทยจะได้รับเลือกเข้ามาด้วยจำนวนมากเป็นอันดับ 1 คือ 136 เสียง หากแต่พรรคอนาคตใหม่ยังได้รับเลือกเข้ามาอันดับ 3 คือ 88 เสียง
แม้จะมีการใช้ “อภินิหารทางกฎหมาย” ลดทอนจำนวน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ลงมาเป็น 81 เสียง แต่คณิตศาสตร์การเมืองจากพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ ก็ยังสร้างความหวาดพรั่นในทางการเมือง
ตรงนี้เองจึงจำเป็นต้องเปิดปฏิบัติการแยกสลายและทำลายล้างตามมา
แยกสลายเพื่อไทย
กำจัดอนาคตใหม่
มีความพยายามต่อสายเพื่อดูดคนของพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะโดยความสัมพันธ์ส่วนตัว ไม่ว่าจะโดยการทาบทามซื้อตัว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
การรุกไล่ผ่าน “อภินิหารทางกฎหมาย” จึงเป็นมาตรการสำคัญ
ไม่ว่าจะด้วยการกระหน่ำคดีความตั้งแต่เรื่องเล็กๆ เข้าไปประสานเข้ากับเรื่องใหญ่ๆ ที่รุนแรงถึงขั้นอาจเป็นการตัดสิทธิหรือยุบพรรค
สร้างความพะว้าพะวังให้กับแกนนำพรรคอนาคตใหม่แทบไม่ต้องทำงาน
ขณะเดียวกัน ต่อพรรคเพื่อไทยนอกจากคดีความในลักษณะเดียวกันกับพรรคอนาคตใหม่แล้วอีกมาตรการหนึ่งซึ่งสำคัญ คือความพยายามในการแยกสลาย ทำลายคณิตศาสตร์เดิม เมื่อไม่สามารถดูดเอามาได้โดยตรงก็ใช้อามิสเข้าไปสร้างความหวั่นไหว
ดังที่เกิดขึ้นระหว่างการตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สุรินทร์ ดังที่เกิดขึ้นก่อนหน้าการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของรัฐธรรมนูญ เสนอให้ทั้งผลประโยชน์เงินทอง ตำแหน่ง และให้หลุดพ้นจากคดีความ
เป้าหมายก็เพื่อก่อให้เกิดความหวาดระแวง คลางแคลงภายใน และร้ายแรงถึงขั้นมีการแยกตัวในทางความคิดและในทางการจัดตั้ง
นี่คือสงคราม นี่คือความต่อเนื่องจากผลการต่อสู้ในสนามการเลือกตั้ง
สงครามการเมือง
รุนแรงและแตกหัก
แม้ว่าท่วงทำนองไม่ว่าจะจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะจากพรรคอนาคตใหม่ จะกลั้วด้วยเสียงหัวร่อ ประสานกับการตอบโต้ผ่านวาทกรรม แต่ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ไม่อาจปัดปฏิเสธได้
นั่นก็คือ พรรคพลังประชารัฐถือพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ เป็นปรปักษ์ เป็นศัตรูที่ต้องการทำลายล้างในทางการเมือง
นี่มิได้เป็นเรื่องถ้อยทีถ้อยอาศัยเหมือนคนกำลังเดินอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์
การต่อสู้ที่ผ่านมา ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่ารัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งว่า นี่คือการทำสงคราม
นี่คือการทำลายและโค่นล้มทางการเมืองที่ไม่ปรานีปราศรัย