วันที่ 24 มิถุนายน 2562 นายวาโย อัศวรุ่งเรือง และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ร่วมแถลงข่าวประจำสัปดาห์ของพรรคอนาคตใหม่ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับทั้งการทำงานนอกสภาและการลงพื้นที่ของแกนนำสำคัญของพรรค และแผนการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ในฐานะภารกิจที่เชื่อมโยงกัน

โดยประเด็นแรก คือการแสดงวิสัยทัศน์ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในโอกาสที่ประเทศไทยได้เป็นประธานอาเซียน ซึ่งนายธนาธรระบุว่าภารกิจหลักที่ประเทศไทยควรจะผลักดันในโอกาสดังกล่าว คือการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็ง เพื่อรักษาสมดุลระหว่างมหาอำนาจและเสถียรภาพของประชาคมอาเซียน การพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชนในประชาคมอาเซียน การพัฒนาที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง การก้าวข้ามการแทรกแซงกิจการภายในไปสู่ความร่วมมือเพื่อพัฒนา การสถาปนาความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อนำไปสู่หนทางแห่งการกินดีอยู่ดีของประชาชน และการปลดปล่อยศักยภาพของมนุษย์และประชาคมอาเซียน

ในการนี้ นายธนาธรยังระบุว่าเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ควรจะมีการผลักดันให้เกิดความร่วมมือกับภาคประชาชน ผ่านการจัดเวทีคู่ขนานกันไปกับการประชุมอาเซียนที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้

นอกจากนี้ นายธนาธรยังได้แสดงความกังวล ต่อประเทศไทยในสายตาของประชาคมโลก โดยล่าสุด อันเฟรล ซึ่งเป็นหน่วยงานสังเกตการณ์การเลือกตั้งที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ได้ประเมินหารเลือกตั้งที่ผ่านมาล่าสุดพร้อมกับสถานการณ์การเมืองของประเทศไทย ว่ารัฐบาลใหม่ยังไม่มีความชอบธรรม การเลือกตั้งที่ผ่านมามีเสรีอยู่บ้างแต่ไม่เป็นธรรม และได้นำไปสู่รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ กกต.ไม่มีความเป็นกลางในเรื่องที่มาของการเลือกตั้งและการใช้สูตรคำนวนสัดส่วน ส.ส. ซึ่งสอดคล้องกับสื่อระดับโลกอย่าง CNN และ New York Times ยังคงเรียกผู้นำของประเทศไทยว่าเป็นผู้นำรัฐบาลทหาร (junta) อยู่

ส่วนประเด็นเรื่องการทำงานคู่ขนานในพื้นที่เชื่อมโยงกับประชาชนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา นายธนาธรกับ นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงรายพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปที่จังหวัดเชียงราย มีการลงพูดคุยกับประชาชนในปัญหาหลักสามประการ คือเรื่องของปัญหาหมอกควัน การท่องเที่ยวในพื้นที่ และการจัดการขยะ โดยระหวางการลงพื้นที่ยังได้รับคำร้องเรียนจากประชาชน ในเรื่องที่รัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนเข้าทำเหมืองดีบุกใกล้แหล่งต้นน้ำของชาวบ้านด้วย

ในส่วนของของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาประชาชน กรณีรัฐบาลให้สัมปทานเอกชนเข้าทำเหมืองแร่ถ่านหินใน อ.อมก๋อย ซึ่งมีปัญหาที่ดินป่าทับซ้อนที่ดินของชาวบ้านมานานแล้ว ที่ผ่านมากลุ่มชาติพันธุ์ประสบปัญหาในการใช้พื้นที่มาโดยตลอด แต่กลับมีการให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนในการทำเหมืองถ่านหิน โดยไม่มีการพูดคุยรับฟังความคิดเห็นกับประชาชน

โดยรองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุว่าทางพรรคจะเดินหน้าทำงานในลักษณะนี้เพื่อนำปัญหาต่างๆเข้ามาสู่การทำงานในสภาต่อไป

รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ยังได้แถลงถึงกรณีการเสนอกฎหมายของภาคประชาชน ซึ่งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีกลุ่มภาคประชาชนไปยื่นหนังสือที่สภาผู้แทนราษฎรในการรณรงค์ “ปลดอาวุธ คสช.” ให้มีการยกเลิกประกาศและคำสั่งต่างๆของคสช. ผ่าน พ.ร.บ.แก้ไข ทบทวน ยกเลิกประกาศและะคำสั่ง คสช. ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคที่หาเสียงมาตั้งแต่ต้น เพราะกฎหมายเหล่านี้หลายฉบับ มีปัญหาที่นำไปสู่การละเมิดสิทธิมยุษยชนและขัดกับหลักนิติรัฐ ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่จะทำการผลักดันเสนอญัตติ ให้มีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาประกาศและคำสั่ง คสช.เหล่านี้ และจะสำรองที่นั่งในส่วนของกรรมาธิการนี้ให้กับภาคประชาชนภายนอกเข้ามาทำงานกับคณะกรรมาธิการด้วย โดยคาดว่าจะยื่นญัตติในสัปดาห์หน้า

ส่วนเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนญนั้น รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุว่ามีสองมาตราสำคัญที่พรรคอนาคตใหม่จะทำการผลักดันให้แก้ไข คือมาตรา 279 ที่รับรองการกระทำของ คสช.ที่ผ่านมาทั้งหมด และมาตรา 272 ที่ให้อำนาจแก่ ส.ว.ในการเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ส่วนการตั้งกระทู้ถามในสภาผู้แทนราษฎร นายวาระบุว่าที่ผ่านมาคณะกรรมการจับตากลุ่มทุนผูกขาดของพรรค ได้ตรวจสอบพบกรณีความเคลื่อนไหวที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนผูกขาดที่สำคัญ คือกรณีของการประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดภาษีในสนามบิน ที่แม้ผลออกมาเป็นที่ชัดเจนแล้ว ว่ากลุ่มทุนผูกขาดกลุ่มเดิมยังคงได้รับสัมปทานต่อไป แต่ตามเอกสารที่มีการเผยแพร่ออกมาล่าสุด ทางพรรคพบว่ามีข้อน่ากังขาในการประมูลหลายประการ ซึ่งพรรคจะผลักดันให้เกิดการตั้งกระทู้ถามในสภาต่อไป

นอกจากนี้ ทางพรรคจะได้มีการยื่นญัตติเพื่อตั้งกระทู้ถามในประเด็นสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลอบทำร้ายนักกิจกรรม การฟื้นฟูผิวถนนจากการก่อสร้างรถไฟฟ้า กรณีนมโรงเรียน และการส่งออกช้างในสภาด้วย ซึ่งจะเป็นกระทู้สดหรือตั้งเป็นกรณีให้มีคณะกรรมาธิการวิสามัญนั้น รองโฆษกพรรคอนาคตใหม่ระบุว่าขึ้นอยู่กับความสำคัญเร่งด่วนในแต่ละประเด็น ซึ่งจะได้มีการรายงานความคืบหน้าต่อไป