สิ่งที่ผมไม่เคยรู้มาก่อน เกี่ยวกับการขี่มอเตอร์ไซค์ ในประเทศคอมมิวนิสต์ (เวียดนาม)

ณ วันแรกของการเดินทางไปกับทัวร์ในทริปเวียดนามใต้ ซึ่งจัดขึ้นประมาณกลางเดือนตุลาคม ปีสองพันห้าร้อยหกสิบเอ็ด มีมอเตอร์ไซค์สิบสี่คัน รถยนต์ที่ไปกับทริปหนึ่งคัน รถไกด์หนึ่งคัน และรถเซอร์วิสอีกหนึ่งคัน รวมมีรถยนต์สามคัน

เราออกเดินทางจากประเทศไทย โดยข้ามแดนที่จังหวัดมุกดาหารในเวลาประมาณเก้าโมงนิดๆ เข้าสู่เมืองสะหวันนะเขตในประเทศลาว และข้ามชายแดนลาว เข้ามาสู่เวียดนามในเวลาประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศเวียดนาม

เราได้รับการแนะนำไว้ก่อนแล้วว่า ในประเทศเวียดนาม การขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นไปด้วยกฎระเบียบการจำกัดความเร็วที่เข้มข้น เขตชุมชนหกสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง และซูเปอร์ไฮเวย์เก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทุกคนขับขี่อยู่ในกฎ และเราก็ต้องขับขี่อยู่ในกฎด้วยเช่นกัน

แมน ชายร่างใหญ่ใจดีชาวพัทลุง ทราบดีว่าเรา ผมและมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ชอบเดินทางด้วยความเร็วร้อยแปดสิบ

ครั้งแรกที่เราเดินทางด้วยกัน เป็นเพียงระยะทางสั้นๆ จากพัทลุงไปสงขลา แมนมีความอึดอัดทุรนทุรายมากกับความเร็วที่ผมใช้

ร้อย แล้วก็แปดสิบ แล้วก็ร้อย แล้วก็แปดสิบ บางครั้งก็อาจไปถึงร้อยสิบ และหากถนนโล่งมาก, ร้อยยี่สิบ และคงไว้สูงสุดแถวๆ นั้น

ความเร็วเดินทางที่แมนใช้น่ะ เขียนบอกไม่ได้ จะเป็นดราม่าขึ้นมาทันที แต่เอาเป็นว่า ผมเดินทางจากเชียงใหม่ไปพัทลุง ใช้เวลาสี่วัน

ไอ้แมนออกจากพัทลุงเช้า พระอาทิตย์ตกไปสักพัก มันก็ถึงเชียงใหม่

ตั้งแต่นั้นมา มันเลยเข็ด ไม่ชวนผมไปทริปไหนกับมันอีก

แต่ทริปนี้มันชวน

ผมกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจมักจะไปไหนมาไหนคันเดียว สองเรา… มอเตอร์ไซค์กับเจ้านายของมัน… โรแมนติก และได้ทำตามใจปรารถนาของตัวเองอย่างเต็มที่… หรือไปน้อยคัน ไปกับเพื่อนที่รู้ใจ สนุกสนานเฮฮาเมื่อจอด ไม่กดดันเมื่อช้า และได้ใช้เวลาดีๆ ร่วมกันตลอดการเดินทางแบบที่ทุกคนอยู่ในธรรมชาติของตัวเอง

เราไม่เคยไปกับทัวร์ และเราไม่อยากไปกับทัวร์

แต่ด้วยมิตรภาพที่แมนมอบให้ ความใจดี ลักษณะนิสัยเฉพาะที่อยู่ใกล้แล้วอารมณ์ดีของมัน ทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง

ความรู้สึกไม่อยากปฏิเสธ ใช่ ผมไม่สามารถจะปฏิเสธมันได้

แต่ก็คิดต่อว่า ด้วยเงื่อนไขที่ยุ่งยากมากของผมกับเจ้าดูคาติเหลืองเจ้าสำอาง บริษัททัวร์คงจะไม่สามารถยอมรับได้ และคงจะปฏิเสธ

ว่าแล้วก็เริ่มส่งเงื่อนไขอันยุ่งยากของเราให้กับบริษัททัวร์

ข้อหนึ่ง ผมขี่ดูคาติ พันหนึ่งร้อย สีเหลืองอร่ามสดใสสวยงามเจ้าสำอาง และเราจะเดินทางด้วยความเร็วที่เราประสงค์ ความเร็วตามความพึงพอใจของเรา ไม่ขี่ตามความเร็วของกลุ่ม หรือของใครทั้งนั้น และมันเป็นความเร็วต่ำเมื่อเทียบกับคันอื่นๆ

ถ้าคิดว่าเราจะเป็นภาระ ให้บอกตรงๆ เราจะได้ไม่ไป

“ได้ครับพี่ ถ้าช้ามากหรือขี่ไม่ไหว เอาขึ้นรถ Service ได้เลย ผมจะอยู่ข้างหลังพี่เสมอ”

ข้อสอง เราจะไม่ขี่กลางคืน กลางคืนดูคาติและเจ้านายของมันมีความประสงค์ที่จะพักผ่อนอยู่ในโรงแรม มีวันไหนที่ต้องขี่กลางคืนไหม

ถ้ามีให้บอกตรงๆ เราจะได้ไม่ไป

“อาจมีสักหนึ่งหรือสองวันที่ต้องขี่ยาว แต่หากกลางคืนมาถึงแล้วพี่ไม่อยากขี่ เอาขึ้นรถ Service ได้เลย ผมจะอยู่ข้างหลังพี่เสมอ”

ข้อสาม (เราคิดว่าข้อนี้อาจทำให้มีปัญหา และบริษัททัวร์ต้องปฏิเสธ) เราจะไม่วิ่งออฟโรด เราไม่มีความประสงค์ที่จะทำอย่างนั้น อันที่จริงเราไม่มีทักษะที่จะทำอย่างนั้นด้วย ทริปนี้มีออฟโรดไหม

ถ้ามีขอให้บอกตรงๆ เราจะได้ไม่ไ

“ที่เวียดนามถนนดีครับพี่ แต่ที่ลาวผมคาดหวังอะไรไม่ได้ แต่หากพี่ขี่ไม่ไหว เอาขึ้นรถ Service ได้เลย ผมจะอยู่ข้างหลังพี่เสมอ”

ยังเคลียร์ได้

แต่เอาละ ข้อนี้รับรอง ไม่รอดแน่ สาหัสกว่าทุกข้อที่ผ่านมา บริษัททัวร์ต้องปฏิเสธแน่นอน

ข้อสี่ ผมกินมังสวิรัติ ในโปรแกรมรวมอาหารทุกมื้อ คุณจัดให้ได้ไหม

เจอข้อนี้เข้าไป บริษัททัวร์ถึงกับอึ้ง บอกเดี๋ยวติดต่อกลับ

เราคิดในใจ ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ได้ไปกับทัวร์แล้ว ได้ไปกันเองแล้วเจ้าดูคาติ สมปรารถนาเรา ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

แต่ปรากฏว่าบริษัททัวร์ ไม่มีคำว่าไม่อยู่ในพจนานุกรมของเขา

“ได้ครับพี่ ผมจัดมังสวิรัติให้ได้ทุกมื้อครับ”

คุยกันก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจที่จะดูแลกัน

เรามีนิสัยชอบได้รับการเอาใจเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว เจอแบบนี้เข้าไป ก็ยอม เป็นขี้ผึ้งลนไฟมาขี่มอเตอร์ไซค์กันอยู่ที่นี่ ประเทศคอมมิวนิสต์ ประเทศเวียดนาม

เราข้ามด่านมาก็พบกับภูเขา ถนนสองเลนสวนกัน ภูเขาเป็นภูเขาสูงชัน อยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของเรา มีความสวยงามทีเดียว และในช่วงเวลาบ่ายสองบ่ายสามโมง ก็ยังคงมีหมอกให้เราได้เห็น และเมื่อเราขี่ต่อไปอีกสักพักฝนก็ตก เราจอดใส่ชุดกันฝนแล้วก็เดินทางกันต่อ

การจำกัดความเร็วไม่มีปัญหาอะไรเลยสำหรับดูคาติสีเหลืองสดและเจ้านายของมัน ความสุนทรีย์ในการขับขี่ของเราอยู่ในระดับสูง แต่เกิดเป็นปัญหาขึ้นมาสำหรับบางคน โดยเฉพาะไอ้คนที่ชวนเรา

เมื่อเรามาถึงที่ราบ และถนนก็เปลี่ยนจากสองเลนไปเป็นสี่เลนนั่นแหละ ความอึดอัดของไอ้คนที่ชวนเราก็ออกอาการชัดเจน เป็นอาการอึดอัด อาการไม่พึงปรารถนา อาการทุรนทุราย

ทุรนทุรายจากความพยายามจะไล่แซงมอเตอร์ไซค์ท้องถิ่น

มอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าซูเปอร์เทเนเร่ สีแดง ขนาดเครื่องยนต์พันสองร้อยซีซี สองสูบเรียง ขับเคลื่อนด้วยเพลา ทั้งเจ้านายของมันและมอเตอร์ไซค์ต่างก็ไม่หวั่นเกรงต่อหนทางยาวไกล ถนนราบเรียบหรือขรุขระ แดดออก หรือฝนตก กลางวันหรือกลางคืน กำลังขับเคี่ยวกันอยู่แบบล้อต่อล้อ กับมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าขนาดร้อยกว่าซีซี ผลัดกันนำ ผลัดกันตาม แบบสูสี คู่คี่

หากอยู่ในประเทศไทย ประเทศที่จะปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง รับรองว่าไม่มีทางที่ยามาฮ่าร้อยกว่าซีซี จะกะพริบตาเกินสามครั้งแล้วจะเห็นไฟท้ายของเจ้าเทเนเร่คันนี้ได้อีก

แต่ที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทย แต่เป็นประเทศเวียดนาม

ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ตามอุดมคติมีเพียงชนชั้นเดียว ไม่ใช่สองชนชั้นที่เป็นชนชั้นผู้นำเจ้าของกิจการ กับชนชั้นผู้ใช้แรงงานเหมือนในประเทศนิยมประชาธิปไตย

บนท้องถนนที่นี่ ในประเทศเวียดนาม มีชนชั้นเดียวที่เท่าเทียมกันทุกคัน ไม่ละเว้นว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์สำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันขนาดร้อยกว่าซีซี หรือมอเตอร์ไซค์ศักดิ์ศรีระดับแชมป์ปารีส-ดักการ์อันหฤโหดขนาดพันกว่าซีซี

ทุกคน ทุกคัน เท่าเทียมกันที่เก้าสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง