การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ จะย่ำเหยียบบนหนามไหน่ เดินทางไปด้วยกัน

คนเดินทางคะ

แล้วความฝันก็ได้เติมหัวใจฉันอีกแล้ว เธอนี่เหมือน เหมือนอะไรน้า อะไรที่มันนุ่ม หวาน แล้วก็สวย ให้หัวใจฉันได้กระเจิงกระจายไปที่นั่นที่นี่ แสนไกล

ยังงั้นจริงๆ นะคะ อืมม์ แล้วหยั่งนี้จะไปรักใครที่ไหนได้อีกเล่า…ฮ่า…แอบบอกรักเธอไปเนียนๆ เสียแล้วสิ

คนเดินทางคะ ฉันคิดถึงความฝันของเรา ที่เรากำลังจะทำมันด้วยกัน ร้านเล็กๆ น่ารักๆ ที่มีกาแฟรสอร่อยๆ มีหนังสือให้อ่าน มีเพลงบลูส์หรือเพลงโฟล์กเปิดเบาๆ โอย…เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมล่ะ ชีวิตนี้

แต่ตอนนี้มีตังค์อยู่ 100 กว่าๆ เอง ฮ่า…นี่แหละนะ คนช่างฝัน ฝันไปไกลโน่นถึงปลายฟ้า แล้วก็ตกลงมาสิ้นใจ…ใช่หรือเปล่าเช่นนี้

ไม่หรอกคนดี ฉันตั้งใจแล้วล่ะ ถึงตอนนี้จะมีเงินเพียงเท่านี้ แต่ความฝันของเราจะต้องไปต่อได้แน่ๆ ฉันเองจะพยายามทุกวิถีทางนะ เพื่อจะให้ความฝันของเราเป็นจริงให้ได้

 

คนเดินทาง

ฉันประทับใจในตัวเธอมากนะคะ กับทุกอย่างที่เธอเขียนมา แต่ก็ไม่รู้นะคะ ฉันน่ะ ประทับใจคนง่ายเหลือเกิน (ไม่ใช่รักนะคะ รักน่ะยากส์) เดี๋ยวคนนั้น คนนี้ เยอะแยะตาแป๊ะแก่ แต่รักนะ ยากส์ซะเหลือเกิน ยากส์ที่ความรู้สึกรักมันจะซึมเข้าไปถึงเนื้อเยื่อเซลล์ของหัวใจ

ฮ่า มันง่ายที่จะกระจัดกระจายอยู่บริเวณรอบๆ แต่เธอ แก้ว พี่ไผ่ นี่เข้าไปถึงนะ ถึงเซลล์เลย ฮ่า…

อืมม์ แต่รักกับพี่ไผ่นี่ (ก็ไม่รู้ว่ามันคือความรักหรือเปล่านะ มันยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก บางครั้งมันก็เฉยๆ ชาๆ แต่ก็มีความผูกพันห่วงใย คิดถึงกันอยู่เสมอ เรียกว่ารักได้ไหม) ไม่เคยหวังนะ ว่าจะได้แต่งงาน กับได้อยู่กับเขา

…ไม่เคยคิดเลยว่าต้องเป็นอย่างงั้น ความรู้สึกมันก็หวานดีอยู่แล้วนี่คะ กับการได้เป็นคนรักกัน ก็ไม่เห็นมีความจำเป็นใดต้องไปแต่งงาน ให้ความรู้สึกหวานๆ ที่มีต่อกันนี้มัน (อาจ) กลายเป็นขม

ฉันยังอยากจะมีเวลาอ่านจดหมายฉบับเก่าๆ ของเพื่อนซักคน ที่มีความหวานอบอุ่นของถ้อยคำ ไม่ได้จางหายไปกับรอยจางของหมึกนั่นเลย ยังอยากจะมีเวลามานั่งเหงา คิดถึง มีความสุขกับความคิดถึงคนนั้นคนนี้อยู่

ฉันเหมือนคนเห็นแก่ตัวใช่ไหมคะ เหมือนไม่ศรัทธาต่อสถาบันครอบครัว ไม่รู้สิ ฉันคิดอย่างนี้ ฉันคงมีใครบางคนไว้เป็นความรัก ความคิดถึง ได้เท่านั้นละกระมัง

บางทีนะคะ ฉันก็กลัว…กลัวเหลือเกินว่า วันหนึ่ง เราอาจต้องแต่งงานแต่งการกันไป แล้ววันนั้น เราจะมีเวลามานั่งคิดถึงกันอย่างนี้ได้อีกไหม แล้วความใฝ่ฝันที่เรามีร่วมกัน มันก็คงละลายหายไป เพราะเพียงว่า ต่างคนต่างต้องมายุ่งอยู่กับชีวิตครอบครัว

มันจะตรึงเราไว้ ขยับไปไหนไม่ได้เลย…กลัวนะคะ

 

คนเดินทาง

วันนี้ฉันฟังเพลงเพลงนึง แล้วคิดถึงเรื่องราวของเราอีกค่ะ เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ เขียนเนื้อร้อง จำรัส เศวตาภรณ์ ร้อง

…คลุ้งกระไอแดดหนาว

สายลมราวจะกล่อมขับ

แมกไม้ก็ร่ายกิ่งรับ

พยับเมฆโพยมฟ้า

คิดถึงเธอ…

เมื่อวันแรกเจอประจันหน้า

เหมือนพบกันเมื่อนานมา

เราคือคู่ชะตากรรม

เราเผยวิญญาณกันแจ่มชัด

บอกเล่าโลกทัศน์ดื่มด่ำ

สองเราทัดทานผองอธรรม

เราคือคู่คูณค้ำความดี

เป็นวันที่มีแดดหนาว

คลุ้งกระไอเมฆขาวครึ้มคลี่

วันนั้นไม่เหมือนวันนี้

เราต่างกันตามวิถีชีวิน…

เป็นไงคะ รู้สึกว่ามันชวนปวดร้าวบ้างไหม ฉันกลัวนะ… กลัวว่าวันหนึ่ง เราต้องห่างกันไปตามวิถีชีวิต กลัวเหลือเกิน ความรู้สึกมันคงแย่เอามากๆ เชียว

แต่ไม่เป็นไรนะคะ วันนั้นยังมาไม่ถึง เรามาคุยกันเรื่องวันนี้ดีกว่า

ตกลงนะคะ ฉันจะขึ้นไปอยู่กับเธอที่กระท่อมดอกไม้…เอ๊ะ มันเป็นกระท่อมหรือบ้านนะ กระท่อมก็น่ารักดีนะคะ…จะเป็นอะไรก็ตามเถอะ ฉันจะไปอยู่กับเธอ จะทำไร่ เลี้ยงหมูเลี้ยงไก่ไปตามเรื่องตามราว ฉันจะทำอย่างที่ตั้งใจไว้นะคะ จะขอเงินป้าสักก้อน ถ้าเขาไม่ให้ก็จะยืม ให้เขาคิดดอกเบี้ยไปเลย

ส่วนหนึ่งเราเอามาทำไร่ อีกส่วนเอามาใช้เลี้ยงหมูนะคะ

 

สวัสดีค่ะ คนเดินทาง

จดหมายฉบับนี้ ตั้งใจจะเขียนมาหาตั้งหลายวันแล้ว แต่ยังขี้เกียจ (เอ๊ะ ฉันนี่ยังไง) แต่ตอนนี้หายขี้เกียจแล้วล่ะ เพราะถูกกาแฟกับบุหรี่กระตุ้น (ว้า)

ทำใจได้แล้วล่ะ เฉยๆ แล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายอย่างที่เขียนไปวันก่อน โอเวอร์เนอะ ก็งี้แหละ คนเว่อร์ ทำอะไรก็มักจะโอเวอร์เสมอ เข้าใจบ่?

วิถีชีวิตคนเราก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอสินะคะ มันเป็นสัจจะไปแล้วกระมัง (เว่อร์อีก) ที่ว่าผู้หญิงทุกคนเกิดมาจะต้องแต่งงาน แต่ในความจริงนั้นก็คงจะมีข้อยกเว้นอยู่แล้วนะ แล้วฉันก็คือข้อยกเว้นนั้น

…คนบ้าๆ บอๆ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้ ไม่รู้มีใครกำลังตามหา (มานาน) อยู่หรือเปล่า ฮ่า (เปล่าประชดประชันนะ) ไม่รู้ซิ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงาน ขี้เกียจคิด แบบคงไม่มีใครจะแต่งด้วยมากกว่ามั้ย ฮ่าๆ

จะว่าไป นึกภาพถึงอนาคตตัวเอง ก็ไม่เห็นมีผู้ชายคนใดปรากฏอยู่ในภาพนั้นเลย มีแต่ตัวเองคนเดียวกับกองหนังสือ…ประจำ เหมือนหัวใจมันกร้านแล้วนะ รักใครไม่เป็น

เออ ตอนแรกก็ดีอยู่หรอก รักมากมาย แต่พอไปเจออะไรที่เราไม่ยอมรับได้ เอาแล้ว เริ่มเซ็ง เบื่อ…

เฮ้อ หรือเธอจะหาแฟนให้ฉันดี หาแฟนให้บ้างมั้ย อยากมีกับเขาสักคน เอาแบบติสต์ๆ นะคะ ฉันชอบคนผมยาวๆ แพ้ผู้ชายผมยาว เมื่อก่อนก็เคยหลงใหลนักเขียนคนหนึ่ง หนุ่มผมยาว ท่าทางฝันๆ พาหัวใจกระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน แต่พอดูหน้ามากกว่าดูแค่เส้นผม ที่กระเจิงกระจายก็หายไป เฮ้อ

 

คนเดินทางคะ

ฉันมาคิดๆ เธอต้องว่าฉันเป็นคนอารมณ์ไม่อยู่กับร่องกับรอยแน่เลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เธออย่าเพิ่งตกใจนะคะ จริงๆ แล้วฉันเป็นคนอ่อนไหวง่ายจะตาย

หลายๆ วันมานี้ บางทีฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาจับใจ มันบอกไม่ถูก เวลาที่มองไปรอบๆ ตัว ดูป้า ดูลุง ดูเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านมาด้วยกัน จริงหรือ ที่วันนึงฉันก็จะจากที่นี่ และพวกเขาเหล่านี้ไป

คนเดินทางคะ ที่บ้านของเธอมีความอบอุ่นให้กับฉันจริงๆ ใช่ไหม พ่อกับแม่ของเรา…อืมม์ ฉันชอบคำนี้เสียจริงๆ พ่อกับแม่ของเรา เขายินดีต้อนรับลูกคนใหม่จริงๆ ใช่มั้ย ฉันไม่รู้จะบอกยังไงกับความซาบซึ้งใจที่มีขนาดนี้ เวลาที่อ่านจดหมายของพ่อกับแม่ และนอนคิดเป็นคืนๆ เลยว่า…ถ้าตัวฉันอยู่ที่นั่น มันจะเป็นยังไง

เธอจะพาฉันเดินเล่นไปบนถนนสีแดงสายนั้นใช่มั้ย มันมีอะไรนะ ต้นตะแบก กอไผ่ ดอกหญ้าดอกเลา อย่างที่เธอเขียนเป็นบทกวีมาไว้

รู้มั้ยคะ ฉันเริ่มจะท่องมันได้แล้วล่ะ

 

[ถ้าหากเธอมา จะพาเธอไปชมทุ่งดอกไม้

มองเห็นทิวเขาไกลไกล

เห็นท้องทุ่งนา

ฉันจะพาเธอเดินเล่น

ยามเย็น, ดูแสงตะวันอาบดอกหญ้า

ราตรีที่จะทาบทับทิวา

เป็นช่วงเวลาที่จะต้องงดงาม

เมื่อเธอมาอยู่ตรงนี้

ดวงใจฉันก็คงสิ้นไร้ไปอีกหลายคำถาม

จะได้เลิกค้นหานิยาม

ว่าความรักคืออะไร

เมื่อเท้าของเธอเหยียบยืนบนผืนดินเคียงคู่กัน

ฝ่าเท้าของฉันจะยินดีย่ำด้วยทุกหนามไหน่

เมื่อมือของเราสองคล้องเกี่ยวกันไว้

เราจะปลูกดอกไม้ได้อีกนับหมื่นพัน

เราจะปลูกต้นไม้ไว้ที่บ้าน

จะทำให้แสงเงาบนลานสวยเฉิดฉัน

ที่บ้านไม้ไผ่ใต้แสงตะเกียงนั้น

จะสวยงามนิจนิรันดร์ ตราบเรายังมีชีวิตอยู่]

 

คนเดินทางที่รัก

เธอช่างเขียนบทกวีได้มีความหมาย กินใจฉันเสมอ แต่เธอไม่ชอบฉันทลักษณ์ที่ถูกต้องใช่มั้ย เห็นบางทีก็ลงจังหวะกระโดดไปมา นักกวีคนอื่นๆ อาจจะตำหนิมัน แต่ฉันชอบในแนวทางของเธอ จึงอยากจะบอกให้เธอรู้ไว้ เธอจงมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองทำนะ

ฉันเกือบจะท่องบทนี้ได้ด้วยล่ะ เพราะอ่านมันซ้ำไปซ้ำมาจะเป็นยี่สิบรอบอยู่แล้ว มันไม่ใช่แค่บทกลอนบทกวี แต่มันมีหัวใจของเธอฝากมาให้ฉัน และหัวใจของฉันก็ฝากกลับไปให้เธอ

ที่รัก, จงมั่นใจเถอะว่า เราจะต้องได้ปลูกต้นไม้ไว้ที่บ้าน เราจะช่วยกันทำให้แสงเงาบนลานสวยเฉิดฉัน ที่กระท่อมดอกไม้ใต้แสงตะเกียงและแสงดาววับวาวเหล่านั้น จะต้องสวยงามคงมั่นนิจนิรันดร์ เพราะเราจะมีกันตลอดไปเสมอ

ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอ พร้อมจะย่ำเหยียบบนหนามไหน่เดินทางไปด้วยกัน

จากเพียงบัว