หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ/ ‘นับถือ’

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
สมเสร็จ - สมเสร็จเคยเป็นสัตว์ที่ลึกลับ ไม่ค่อยมีใครพบเห็น แต่ถึงวันนี้ เรารู้จักพวกมันมากขึ้น คนพบเจอและมีภาพของสมเสร็จจำนวนมาก และสมเสร็จก็เหมือนกับสัตว์กินพืชตัวอื่นๆ คือ มีจมูกรับกลิ่นได้ดี รวมทั้งวิ่งได้เร็ว

หลังเลนส์ในดงลึก/ปริญญากร วรวรรณ

‘นับถือ’

 

ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก

ผมทำงานร่วมกับผู้ชายที่ทุกคนมีชื่อไพเราะ เช่น อดิเทพ ซึ่งเป็นคู่หูแล้ว คนอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็มีชื่อไพเราะทั้งนั้น

พวกเขาได้ชื่อมาจากอำเภอตั้งแต่ตอนไปแจ้งเกิด ชื่อและนามสกุลมักแปลความหมายถึงป่าและภูเขา มีไม่กี่คนที่ยังใช้ชื่อเดิมที่เป็นภาษาถิ่น

ช่วงหนึ่งผมมีชายหนุ่มจากบ้านกองม่องทะ ชื่อว่า สิงขร มาช่วย

บ้านกองม่องทะ อยู่ในตำบลไลโว่ อำเภอสังขละ เป็นหนึ่งใน 7 หมู่บ้านที่อยู่รอบๆ และในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่

“กองม่องทะ” หมายถึงห้วยน้ำ คำว่า “ทะ” แปลว่า บรรจบ กองม่องทะ จึงหมายความว่า ห้วยน้ำที่ไหลมาบรรจบ บริเวณที่ตั้งหมู่บ้านเดิมสันนิษฐานว่าคนที่นี่อพยพมาจากพม่า ในสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา และเข้ามาตั้งหมู่บ้านแถวแม่น้ำรันตี

ที่นี่เป็นชุมชนชาวกะเหรี่ยง (โผล่ว) สัญชาติไทย เกือบทั้งหมดของประชากรราว 700 คน นับถือศาสนาพุทธ มีสังคมแบบเครือญาติ

มีความเชื่อผสมกันระหว่างศาสนาพุทธ กับการนับถือฤๅษีจนเกิดเป็นวัฒนธรรม ประเพณีต่างๆ สืบเนื่องมายาวนาน

ในหมู่บ้าน มีโรงเรียนสอนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีการรับนักเรียนบ้านไกลมาอยู่ประจำ

มีสถานีอนามัย น้ำประปาภูเขา ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เกือบทุกบ้านมีจานรับสัญญาณโทรทัศน์

ลักษณะการใช้พื้นที่ของชุมชนแยกเป็น 3 ส่วน

พื้นที่แรก ใช้อยู่อาศัย ตั้งบ้านเรือน วัด โรงเรียน สถานีอนามัย

พื้นที่ที่สอง ใช้เป็นพื้นที่ทำกิน เป็นไร่ประจำ ปลูกผลไม้ อย่างขนุน เงาะ และทุเรียน

พื้นที่ที่สามคือ ไร่หมุนเวียน ซึ่งจำกัดให้มีไร่หมุนเวียนโดยเฉพาะเพื่อรักษาวัฒนธรรมชาวกะเหรี่ยงไว้

พื้นที่ใช้ประโยชน์ของชุมชนทั้งสามส่วน รวมประมาณ 10,105 ไร่

ข้อมูลเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร สำรวจไว้ เพื่อเป็นแนวทางในการจัดการกับผืนป่าอย่างมีส่วนร่วม เป็นการช่วยรักษาป่าร่วมกันระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ดูแลป่า

วัฒนธรรม และประเพณี ทำให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันอย่างสอดคล้อง

มีความเชื่อมากมาย เช่น ห้ามจับปลาบริเวณที่มันวางไข่ ไม่ทำนาตรงจุดที่ได้ยินเสียงเก้งร้อง และอื่นๆ ต่างๆ เหล่านี้

นี่คือการเรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ มาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล

 

ที่นี่คนหนุ่มคนสาวมีวิถีชีวิตคล้ายๆ กัน ไม่ต่างจากหมู่บ้านใกล้เคียง

เรียนจบมัธยมต้น เข้าเมืองทำงาน สักพักก็กลับบ้าน

มีไม่น้อยเรียนต่อถึงปริญญาตรี

หญิงสาวแต่งงานเร็ว หากมีปัญหาต้องเลิกรา สามีใหม่มักเป็นชายหนุ่มอายุน้อยกว่า

และชายหนุ่มเหล่านั้น ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร

 

“เมียผมอายุน้อยกว่านะครับ” สิงขรรีบบอก

“ไม่เหมือนคนอื่นๆ หรอก”

เพื่อนๆ เขาส่วนใหญ่ได้แม่ม่ายลูกติด

ทุกคนจะพูดเหมือนๆ กันว่า “ดีครับ มีลูกโตเลย ทันใช้”

 

สิงขรเพิ่งเข้าทำงานได้ 3 เดือน อีกหนึ่งสัปดาห์เขาจะเข้ารับการฝึกอบรมการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ซึ่งจะฝึกฝนการใช้อาวุธ การเข้าจับกุม ตรวจสอบปัจจัยคุกคาม ใช้เครื่องมือ อย่างจีพีเอส อ่านแผนที่ รวมทั้งฟื้นฟูร่างกาย

“เอ็งรีบตัดผมซะ เอาทรงไถข้างๆ แบบนี้ให้ครูฝึกเห็นโดนกล้อนหัวแน่” อภินันท์ ลูกพี่ขู่

สิงขรยิ้มแหยๆ

สิงขรเข้าไปเรียนในเมืองกาญจน์ ใช้ภาษาไทยชัดเจน ชอบอ่านหนังสือ

“ผมหยิบหนังสือที่วางข้างเปลมาอ่านนะครับ” สิงขรบอกตอนเรานั่งกินข้าวอยู่ข้างกองไฟ

เขาหมายถึง “Heart Of Darkness” งานของโจเซฟ คอนราด

ที่ผมอ่านค้างและวางไว้ข้างเปลนอน

เขามาช่วยผมทำงานก่อนไปอบรม

กลางวัน สิงขรอยู่ที่แคมป์ ผมไปเข้าซุ้มบังไพร ราวสองทุ่มผมกลับถึงแคมป์ สิงขรเตรียมอาหารไว้

“น้ำพริกมะเขือครับ” เขาบอกเมนู ทุกอย่างคล้ายจะทำน้ำพริกได้หมด

“น้ำในแอ่งแห้งนะครับ ต้องรอดึกๆ น้ำจะไหลมา” เขาบอก

ลำห้วยสายเล็กนั้นน้ำเริ่มแห้ง แต่ยังเหลือความชื้นอยู่บ้าง จึงช่วยให้น้ำใต้ดินไหลซึมมาขังในแอ่งพอได้ใช้

ผมพยักหน้ารับ และตักน้ำพริกมะเขือผสมข้าว

“มีใครรู้ไหมว่า หม่องโจมาลำบากแบบนี้” สิงขรถาม

เขาเรียกผมว่าหม่องโจ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ

สิงขรถามขำๆ ไม่ต้องการคำตอบอะไร เพราะรู้ดีว่า นี่คือชีวิตปกติของเรา

อีกนั่นแหละ แม้นว่าหากลำบาก

บนหนทางที่เลือกเองนี้

ความยากลำบาก ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะโอดครวญ

 

“มีรอยตีนเสือเดินข้ามห้วยใต้แคมป์เราไปหน่อยครับ” สิงขรบอกตอนผมเดินกลับมาถึง

ทุกวันผมเห็นทักษะอันคล่องแคล่วที่สิงขรมี เขาได้รับสืบทอดมา โดยเฉพาะการใช้มีดกับไม้ไผ่

เช้าวันหนึ่ง เขาตามผมไปถึงซุ้มบังไพร

เขาเหลาไม้ไผ่เป็นชิ้นเล็กๆ ทำชั้นวางของใต้ต้นไม้ บนชั้นนั้นเขาให้ผมเอาช็อกโกแลตวางหนึ่งชิ้น

“ขอเจ้าโป่งสิครับ จะได้ทำงานสำเร็จ”

ผมทรุดตัวลงนั่งข้างเขา ยกมือพนม

เกือบ 6 โมงเย็นวันนั้น สมเสร็จตัวหนึ่งเดินออกมา

 

“มาช้านะครับ กำลังนึกว่าจะไปตามแล้ว มีอะไรมาไหมครับ วันนี้” สิงขรถาม ผมพยักหน้า

กินข้าวเสร็จ ผมชงโกโก้มานั่งดื่มข้างกองไฟ

เปลวไฟไหววับแวม ลูกไฟแตกกระจาย

นานเท่าไหร่แล้วที่ผมอยู่กับบรรยากาศอย่างนี้ ผมไม่รู้หรอก รู้เพียงว่า มันคล้ายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

ที่นั่งอยู่ตรงข้าม คือชายหนุ่มผู้ทรงผมไถข้างๆ จนเกรียน

ผมเชื่อในหนทางที่เลือกเดิน

ในความเชื่อที่ผู้อื่นมี ผมก็เชื่อ เป็นสิ่งที่น่า “นับถือ”