วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร /ความจริง อันน่าเจ็บปวด (185)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร

ความจริง อันน่าเจ็บปวด (185)

 

การสนทนาโต้ตอบระหว่างเอี้ยก่วยกับกัวติ่งอัก ณ ศาลเจ้าทวนเหล็ก เมืองเกียเฮง ณ แคว้นกังหนำ มีความสำคัญ

เริ่มจากเอี้ยก่วย

“ข้าพเจ้าคือเอี้ยก่วย เอี้ยคังเป็นบิดาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเมื่อวัยเยาว์ท่านดีต่อข้าพเจ้าไม่น้อย แต่เหตุใดยามอยู่ลับหลังจึงกล่าววาจาเหลวไหล ให้ร้ายต่อบรรพบุรุษผู้ล่วงลับของข้าพเจ้า”

กัวติ่งอักตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บุคคลนับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันบางคนได้รับการแซ่ซ้องร้องสดุดีทุกยุคสมัย บางคนถูกก่นด่าประณามเป็นหมื่นปี ไหนเลยปิดปากผู้คนทั้งแผ่นดินได้”

เอี้ยก่วยเห็นว่ามันไม่ยอมสยบระย่อจึงยกร่างกัวติ่งอักขึ้นโยนลงพื้น

“ท่านบอกว่าบิดาข้าพเจ้าต่ำช้าสามานย์อย่างไร”

ไม่เพียงแต่เป้าหมายของคำถามจะเป็นกัวติ่งอัก หากแม้กระทั่งอีก 4 คนที่ร่วมอยู่ในเหตุการณ์มันก็ไม่ยอมให้เล็ดลอดออกไป

“วันนี้ไม่บอกให้กระจ่างชัด ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจมีชีวิตรอดออกไป”

ท่าทีระหว่างกัวติ่งอักกับอีก 4 คนแตกต่างกันเป็นอย่างยิ่ง แตกต่างทั้งในทางความคิดและในทางการแสดงออก

 

พลันที่ประสบเข้ากับท่าทีอันแข็งกร้าว เอาเป็นเอาตายจากเอี้ยก่วย ซัวทงเทียนกล่าวต่อเอี้ยก่วยว่า

“เอี้ยไต้เฮียบ เมื่อครั้งที่บิดาท่านมีชีวิต พวกเราล้วนเป็นแขกในตำหนักของเขา จวบกระทั่งท่านผู้เฒ่าสิ้นบุญ พวกเราไม่ได้ประพฤติล่วงเกินแม้แต่น้อย

ขอให้ท่านเห็นแก่น้ำใจเมื่อกาลก่อน ปลดปล่อยพวกเราไปเถอะ”

ตรงกันข้ามกับกัวติ่งอัก “เหตุการณ์ดำเนินถึงขั้นนี้ เราค้างคาวเหินฟ้าไม่สนใจชีวิตชรานี้ตั้งแต่แรก ต่อให้เป็นเมื่อตอนหนุ่มฉกรรจ์ กัวติ่งอักไหนเลยเกรงกลัวผู้คนมาก่อน มาตรว่าเจ้ามีฝีมือสูงเยี่ยมกว่านี้ได้แต่ขู่ขวัญชนชั้นขลาดเขลากลัวตาย เจ็ดประหลาดแดนกังหนำยังถูกผู้คนข่มขู่บีบคั้นอีกหรือ”

เอี้ยก่วยเห็นอีกฝ่ายองอาจหาญกล้าอดบังเกิดความเคารพยกย่องมิได้

“กัวเล่ากงกง เป็นเราเอี้ยก่วยไม่ถูกต้องขอขมาต่อท่าน ณ ที่นี้ เพียงแต่ท่านกล่าววาจาลบหลู่บิดาผู้ล่วงลับข้าพเจ้าจึงล่วงเกิน กัวเล่ากงกงมีนามกระเดื่องเลื่องลือ เอี้ยก่วยนับถือเลื่อมใสตั้งแต่เล็กไม่กล้าเสียมารยาทก่อน”

“นี่จึงคล้ายเป็นวาจาผู้คน” กัวติ่งอักกล่าว

“เราได้ยินว่าเจ้ามีธาตุแท้ใจคอไม่เลว ทั้งประกอบความดีความชอบยิ่งใหญ่ที่เมืองเซียงหยางค่อยยึดถือเจ้าเป็นบุคคลผู้หนึ่ง หากแม้นเป็นเช่นเดียวกับบิดาเจ้า ต่อให้กล่าววาจากับเราประโยคหนึ่งก็ถือเป็นการหยามอัปยศต่อเรา”

 

เห็นอาการยืนกรานของกัวติ่งอักดังนั้น เอี้ยก่วยบังเกิดเพลิงโทสะขึ้นอีกคราร้องดังๆ ขึ้นว่า “บิดาข้าพเจ้าที่แท้กระทำผิดเรื่องใด ท่านบอกกล่าวให้กระจ่างชัด”

มาถึงตอนนี้ “กิมย้ง” พักเหตุการณ์แล้วอธิบายว่า

ควรทราบว่าในบุคคลที่เอี้ยก่วยคบหา ความจริงมีผู้คนที่ล่วงรู้เรื่องรวในอดีตของเอี้ยคังผู้เป็นบิดาของมันอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ว่าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ต้องการเปิดเผยจุดอ่อนเพราะเกรงว่าจะกระทบกระทั่งถึงเอี้ยก่วย

มาตรว่าเอี้ยก่วยถามถึง คนเหล่านั้นก็เลือกเล่าเรื่องราวบอกในส่วนที่ไม่สำคัญออกมา

แต่กัวติ่งอักชิงชังความชั่วร้ายดั่งความแค้นส่วนตัว มีนิสัยแข็งกร้าวผิดธรรมดา ไหนเลยสนใจว่าเอี้ยก่วยจะเคียดขึ้งตำหนิหรือไม่

ดังนั้น บ่งบอกพฤติการณ์ของเอี้ยคังกับก๊วยเจ๋งออกมา

ทั้งยังบอกว่า เอี้ยคังกับอาวเอี้ยงฮงทำร้าย 5 ในเจ็ดประหลาดกังหนำ ฟาดฝ่ามือกระแทกใส่อึ้งย้งในศาลเจ้าทวนเหล็กแห่งนี้ ชักนำความตายใส่ตัวเอง

ความเป็นจริงที่เป็น “ความลับ” มานานจึงค่อยเปิดออก

 

ความองอาจหาญกล้า ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตายของกัวติ่งอักครั้งนี้ย่อมสร้างความสะเทือนใจอย่างล้ำลึกให้กับเอี้ยก่วย

ยิ่งกว่านั้นมันยังยืนยัน

“เหตุการณ์ในคืนนั้นผู้คนหลายคนนี้ล้วนเห็นกับตา ซัวทงเทียน แพ้เลี่ยงโฮ้ว พวกท่านทั้ง 2 ลองบอกมาในคำพูดของกัวเล่าเท้าเหล่านี้มีวาจาแปลกปลอมหรือไม่”

เอี้ยก่วยยกมือกุมศีรษะนั่งกับพื้น คับแค้นรันทดสุดบรรยาย

คิดไม่ถึงว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของตัวเองกลับโฉดชั่วถึงเพียงนี้ ต่อให้มันเองมีชื่อเสียงกระเดื่องดังกว่านี้ก็ยากที่จะชะล้างความน่าละอายของบิดาได้

ผู้คนภายในศาลเจ้าล้วนเงียบงัน เพียงได้ยินเสียงนกการ่ำร้องไม่ขาดหู