ต่างประเทศรอบสัปดาห์ : สาวรอดโทษประหาร คดีฆ่าพี่คิมจองอึน | ผนึกกำลัง!แบนบรูไนใช้ กม.ชารีอะห์ | แฉ25จนท.มะกัน ละเมิดเข้าถึงชั้นความลับ

สรุปข่าวต่างประเทศ

มาเลเซีย

กัวลาลัมเปอร์ – สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์สรายงานว่า น.ส.ดวน ธิ ฮวง สาวเวียดนามวัย 30 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ รอดพ้นจากโทษประหารชีวิตแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 1 เมษายน อัยการมาเลเซียถอนฟ้องข้อหาฆาตกรรมต่อ น.ส.ฮวง โดยตั้งข้อกล่าวหาใหม่ที่เบากว่าแทน ในฐานความผิดทำให้ได้รับบาดเจ็บด้วยอาวุธหรือวิธีการที่เป็นอันตราย ซึ่ง น.ส.ฮวงยอมรับผิด ส่งผลให้ผู้พิพากษาตัดสินโทษจำคุก น.ส.ฮวง เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน โดยทนายจำเลยเปิดเผยว่า น.ส.ฮวงอาจได้รับการปล่อยตัวในเดือนหน้า เนื่องจากโทษที่ลดลง

ข่าวแจ้งว่า อัยการมาเลเซียยื่นฟ้องข้อหาใหม่ที่เบากว่าต่อ น.ส.ฮวง หลังจากได้รับข้อคิดเห็นจากสถานทูตเวียดนามและทนายจำเลย คำตัดสินนี้ของศาลมาเลเซียส่งผลให้ น.ส.ฮวงเป็นจำเลยในคดีนี้เพียงคนเดียวที่ถูกดำเนินคดีในคดีลอบสังหารนายคิม จอง นัม พี่ชายต่างมารดาของผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งถูกลอบวางยาพิษเสียชีวิตที่สนามบินในกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560 โดยไม่มีผู้กระทำผิดคนใดถูกดำเนินคดีในข้อหาฆาตกรรมซึ่งมีโทษสูงสุดคือประหารชีวิต โดยผู้ต้องหาอีกคนคือ สิตี ไอสยา หญิงชาวอินโดนีเซียวัย 27 ปี ได้รับการปล่อยตัวไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม และเดินทางกลับอินโดนีเซียไปแล้ว หลังมีการเจรจาและล็อบบี้ของเจ้าหน้าที่ระดับสูง

ทั้งนี้ น.ส.ฮวงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำมาเลเซียมาเป็นเวลา 2 ปีแล้ว ซึ่งทนายจำเลยชี้ว่าตามกฎหมายของมาเลเซียเปิดทางให้ผู้ต้องหาได้รับการลดหย่อนโทษได้ 1 ใน 3 ของโทษจำคุกทั้งหมด น.ส.ฮวงจึงอาจได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในวันที่ 4 พฤษภาคมนี้

สหประชาชาติ

สหประชาชาติ – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน นางมิเชล บาเชเลต์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกมาเรียกร้องให้ประเทศบรูไนยับยั้งการใช้กฎหมายระบุโทษประหารชีวิตต่อผู้กระทำผิดในข้อหานอกใจคู่สมรสและการมีเพศสัมพันธ์แบบรักร่วมเพศภายใต้กฎหมายศาสนา “ชารีอะห์” ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน โดยนางบาเชเลต์ชี้ว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวจะเป็นการละเมิดหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศและแสดงให้เห็นการก้าวถอยหลังของการปกป้องสิทธิมนุษยชนของชาวบรูไนในประเทศเองด้วย

ด้านเอลตัน จอห์น หนึ่งในตำนานนักร้องเพลงป๊อปชาวอังกฤษ วัย 72 ปี เป็นอีกหนึ่งคนดังที่ออกมาประสานเสียงร่วมกับจอร์จ คลูนีย์ นักแสดงชื่อดังรุ่นใหญ่แห่งฮอลลีวู้ด เรียกร้องให้ร่วมกันบอยคอตโรงแรมที่เป็นของบรูไน เพื่อแสดงการต่อต้านกฎหมายใหม่ของบรูไนที่กำหนดบทลงโทษประหารชีวิตต่อคนรักร่วมเพศ ท่ามกลางบรรดานักการเมืองและบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างพากันออกมาประณามกฎหมายดังกล่าวของบรูไนและสนับสนุนให้มีการบอยคอตบรูไนกันมากขึ้น

โดยเอลตัน จอห์น กล่าวว่า แม้ว่าตนจะรู้สึกเห็นใจพนักงานของโรงแรมเหล่านั้น แต่เราจะต้องส่งสารที่เราสามารถทำได้ให้รับรู้ว่าการปฏิบัติในลักษณะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

สหรัฐอเมริกา

วอชิงตัน – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน นายเอลิจาห์ คัมมิงส์ ประธานคณะกรรมาธิการดูแลสังเกตการณ์ของสภาสหรัฐ ออกมาเปิดเผยในบันทึกว่า ทริเซีย นิวโบลด์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหรือทำเนียบขาวได้เปิดเผยรายละเอียดต่อคณะกรรมการของนายคัมมิงส์ เกี่ยวกับการที่มีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 25 คนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงชั้นความลับได้ ทั้งที่ถูกปฏิเสธในขั้นตอนการตรวจสอบประวัติ ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้เกิดความเสี่ยงต่อประเทศชาติได้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดเผยชื่อของทั้ง 25 คน แต่ในบันทึกของคัมมิงส์ ที่ส่งถึงนายแพต ไซโพลโลน ที่ปรึกษาของทำเนียบขาว ได้มีการร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าถึงชั้นความลับของนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ, นายไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ, นางอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดีทรัมป์ และนายจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยของทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงอีกหลายคน

นอกจากนี้ นายคัมมิงส์ยังระบุด้วยว่า จะขอหมายศาลเรียกตัวนายคาร์ล คลายน์ อดีตผู้บังคับบัญชาของสำนักงานความมั่นคงส่วนบุคคลของทำเนียบขาว เพื่อให้ปากคำต่อคณะกรรมาธิการในเรื่องการเข้าถึงชั้นความลับต่างๆ พร้อมกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ