แฉ ขบวนการดูด 13 พรรคเล็ก เสนอตำแหน่ง‘กมธ.’แลก ดึงร่วมตั้งรัฐบาล

ขบวนการดูด / เมื่อวันที่ 29 มี.ค. หลังจากกกต.ประกาศคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมา โดยรวมคะแนนแต่ละพรรคมี 81 พรรคส่งผู้สมัครรวม 35,532,647 คะแนน ในคะแนนนี้ถ้าเรียงตามลำดับคะแนน 5 ลำดับแรก พรรคที่ได้มากที่สุดคือพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) 8,433,137 คะแนน พรรคเพื่อไทย(พท.) 7,920,630 คะแนน พรรคอนาคตใหม่(อนค.) 6,265,950 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) 3,947,726 คะแนน พรรคภูมิใจไทย(ภท.) 3,732,883 คะแนน

ส่วนจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51,239,638 คน มาใช้สิทธิ์ 74.69 เปอร์เซ็นต์ รวม 38,268,375 คน ไม่มาใช้สิทธิ์ 25.31 เปอร์เซ็นต์ รวม 12,971,263 คน ส่วนบัตรจำนวน 38,268,366 ใบ เป็นบัตรดี 92.85 เปอร์เซ็นต์ คือ 35,532,645 ใบ บัตรเสีย 5.57 เปอร์เซ็นต์ คือ 2,130,327 ใบ และโหวตโน 605,392 ใบ

แต่สุดท้ายก็ตามมาด้วยคำถามและข้อสงสัยมากมาย ทั้งตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นกว่า 3.4 หมื่นคน รวมถึงประเด็นหลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. กกต.แถลงผลการลงคะแนนในเวลา 21.30 น. ว่ามีผู้มาใช้สิทธิ 65.96 เปอร์เซ็นต์ รวม 33,775,230 คน

แต่พอวันที่ 28 มี.ค. เวลา 14.50 น. กกต.แถลงอีกครั้ง มีผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเป็น 74.69 เปอร์เซ็นต์ จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน จากระยะเวลา 4 วัน มีบัตรเกิดใหม่ 4,493,145 ใบ จึงสร้างความมึนงงชวนสงสัยถึงตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งและบัตรเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมา

ล่าสุดรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการคำนวณจำนวนว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อจากจำนวนคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้ หากใช้วิธีการคำนวณตามสูตรของกกต. อาจทำให้พรรคการเมืองขนาดเล็กถึง 13 พรรค มีส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 1 คน

ทำให้ตอนนี้มีความพยายามจากบางพรรคการเมืองที่จะดึงทั้ง 13 พรรคการเมืองขนาดเล็กนี้มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยมีการเสนอตำแหน่งประธานกรรมาธิการและกรรมาธิการในสภาฯ ให้ทุกพรรคเล็ก เพื่อเป็นการแลกกับการมาร่วมผนึกให้มีจำนวนส.ส.เกิน 251 เสียง และจัดตั้งรัฐบาล