เมื่อวันที่ 14 มีนาคม นายอดิศร เพียงเกษ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ปราศรัยหาเสียงให้ผู้สมัคร สส.ทั้ง 3 เขตที่มูลนิธิสว่างเมธีธรรมสถาน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีประชาชนร่วมฟังกว่า 2,000 คน นายอดิษร กล่าวว่า ชาวประจวบคีรีขันธ์ทั้ง 3 เขต ต้องพร้อมใจกันเปลี่ยนแปลงเพื่อให้โอกาส ส.ส.ที่มีคุณภาพไปทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงพัฒนาจังหวัด สำหรับการเลือกตั้งทั่วประเทศจากนี้ไปเหลือเวลาอีก 10 วัน ประชาชนต้องตัดสินใจว่าจะให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีสืบทอดอำนาจต่อไปหรือไม่ หากชอบให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทั้งที่ก่อนน้านี้ผู้นำรัฐบาลเคยด่าว่านักการเมืองไม่ดี จำเป็นต้องเข้ามาปฏิรูปประเทศ แต่พอจะลงจากอำนาจก็ไปจีบ 4 กุมารจากพรรคตนไปร่วมงาน แถมมาชวนตนไปเป็นรัฐมนตรีแต่ตนไม่ไป เพราะส่วนตัวรังเกียจพวกปล้นอำนาจประชาชน

นายอดิษร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผลสำรวจการทำโพลในภาคอีสานของมหาวิทยาลัยขอนแก่นขัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำถึง 43 % พรรคพลังประชารัฐมี 11% พรรคประชาธิปัตย์บ๊วยสุด 6 % เพราะประชาชนรู้ว่าทหารไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนเพื่อปกครองประเทศ ทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ผ่านมาไม่ประสบผลสำเร็จ นอกจากนั้นยังเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นด้วยการแต่งตั้ง 250 ส.ว.ไปหนุนพวกเดียวกันเอง ทำให้โรงเรียน จปร. เสื่อมเสียงเพราะชาวบ้านแปล จปร.ว่าจะปฏิวัติรัฐประหาร สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่หัวหน้าพรรคประกาศไม่เอาพลเอกประยุทธ์นั้นตนไม่ให้ราคา

“ก่อนหน้านี้อย่าลืมว่าอดีต ส.ส.บางคนของพรรคนี้เคยทำอะไรไว้ในสภาและออกมาทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย จากนั้นเรียกร้องให้มีการทำรัฐประหาร แต่วันนี้จะไม่เอาทหาร จะไม่เอาพรรคเพื่อไทย แต่ไม่เคยเคยถามพวกผมหรือพรรคอื่นว่าจะเอาพรรคคุณหรือไม่ ขณะที่ผลการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์จะไม่มีโอกาสเป็นแกนนำในการตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงเวลาพรรคเก่าแก่ที่สุด ก็จะไปร่วมกับพรรคทหารเหมือนเดิม เหมือนที่เคยด่าพลตรีจำลอง ศรีเมือง ว่าพาคนไปตาย สุดท้ายก็ไปเชิญพลตรีจำลองไปร่วมรัฐบาล หลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ” นายอดิษร กล่าว

มติชนออนไลน์