ทัศนะปฏิกิริยา “วอยซ์ทีวี” จอดำ 15 วัน “ละเมิดเสรีภาพสื่อ” หรือ “บิดเบือน-ไม่เป็นกลาง”

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 เป็นอีกครั้งแล้วสำหรับสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีที่ถูกงดออกอากาศชั่วคราว (15 วัน) ตามมติเอกฉันท์ของ กสทช. และจะมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 โดยนายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) วอยซ์ ทีวี ระบุว่ารอบนี้ถึงเวลาต้องอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครอง และขอคุ้มครองชั่วคราว คาดการงดออกอากาศรอบนี้ จะเกิดความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท

“ที่ผ่านมาวอยซ์ ทีวีให้ความร่วมมือด้วยดีมาตลอด แม้จะเห็นแย้งในประเด็นกฎหมายเรื่องหลักการใช้อำนาจของ กสทช. ที่มักอ้างคำสั่ง คสช. และเอ็มโอยูที่ทางสถานีมองว่าไม่มีผลบังคับ แต่ที่ไม่ดำเนินการทางกฎหมายเพราะหวังว่าการให้ความร่วมมือจะทำให้สถานีได้ทำงานต่อโดยราบรื่น” ซีอีโอ วอยซ์ทีวี กล่าว

นายเมฆินทร์กล่าวอีกว่า เราถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนี่เป็นเวลาที่สมควรที่จะต้องยืนหยัดปกป้องเสรีภาพของตนเองรวมทั้งใช้กระบวนการทางกฎหมายในการวางบรรทัดฐานการใช้อำนาจของ กสทช. ให้เป็นไปตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม และบนพื้นฐานของความเคารพในเสรีภาพสื่อมวลชน ซึ่งถูกตั้งคำถามและท้าทายอย่างยิ่งมาตลอดระยะเวลาหลังการรัฐประหาร 2557 เป็นต้นมา

ก่อนหน้าที่จะมีคำสั่งอย่างเป็นทางการ นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ และนายวิโรจน์ อาลี 2 ผู้ดำเนินการรายการ เวคอัพ นิวส์และทูไนท์ ไทยแลนด์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงสัญญาณของคำสั่งจอดำวอยซ์ทีวีว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้

โดยนายวิโรจน์โพสต์ข้อความเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า

มีข่าวมาว่าวันนี้ทางอนุฯกสทชจะเสนอบอร์ดใหญ่ปิด Voice TV เป็นเวลา 15 วัน…
หากเป็นไปตามนั้น
พบกับพวกเราได้ทาง platform online ทุก platform ครับ
#NOFREEDOMOFPRESS #NOFREEDOMOFSPEECH
#NOFREEFAIRANDMEANINGFULLELECTIONINTHAILAND

เช่นเดียวกับนายศิโรตม์ก็ออกมาโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า

“ยิ่งใกล้เลือกตั้ง สื่อควรมีเสรีภาพในการทำงานได้เต็มที่ แต่วันนี้วอยซ์อาจโดนสั่งระงับการออกอากาศ 15 วัน หรือ “จอดำ” แปลว่าท่านเปิดทีวีก็จะไม่มีเราทุกรายการ

ผมไม่ทราบว่าคำสั่งนี้มีผู้มีอำนาจสั่งการมายังองค์กรที่เกี่ยวข้องหรือไม่ แต่นี่คือการใช้อำนาจรัฐคุกคามประชาชนที่น่ารังเกียจครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่พวกท่านอยากเป็นรัฐบาลต่อ, ส่งรัฐมนตรีไปตั้งพรรคหนุนพวกเดียวกัน รวมทั้งผู้ชิงตำแหน่งนายกของพลังประชารัฐบังคับให้โทรทัศน์ทุกช่องถ่ายทอดการพูดข้างเดียวของท่านมาตลอดห้าปี

ทุกวันนี้สังคมครหาว่าผู้มีอำนาจใช้ตำแหน่งและกฎหมายเพื่อให้ตัวเองเป็นนายกต่อจนน่าละอายอยู่แล้ว อย่าทำให้สังคมเห็นว่าท่านกลัวแพ้จนปิดปากฝ่ายที่เห็นต่างและเอาเปรียบทุกวิถีทางอีกเลยครับ เห็นอยู่แล้วว่ายัดเยียดตัวเอง คะแนนนิยมก็ไม่เพิ่ม ทุกหกโมงมีแต่คนปิดทีวีหนี แล้วจะยิ่งทำให้คนเห็นธาตุแท้เรื่องใช้อำนาจบาตรใหญ่อีกทำไม

อยากได้อำนาจ ทำไมไม่กล้าแข่งกับคนอื่นแบบแฟร์ๆ หาทางเอาเปรียบเพื่อชัยชนะแบบนี้ ไม่คิดหรือว่าคนในประเทศเขาจะรังเกียจกระทั่งไม่อยากยกมือไหว้คุณ

ทุกวันที่วอยซ์จอดำไป 15 วัน คือหลักฐานของการใช้อำนาจเพื่อปิดหูปิดตาเพียงเพื่อสนองความกระหายอำนาจของคนบางคน

ฝากพรรคพวกในพลังประชารัฐไปบอกนายด้วยครับว่าทำแบบนี้มันน่าอาย

ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บายของวันอังคารที่ 12 จะมีคำสั่งนี้ออกมา และคนไทยจะเห็นอำนาจมืดปิดสื่อเพียงเพราะรายงานข้อเท็จจริงที่ผู้มีอำนาจและพรรคนั้นไม่ต้องการ ไม่ว่าข้ออ้างอย่างเป็นทางการจะเป็นอะไรก็ตาม”

ด้านนายอธึกกิต แสวงสุข สื่อมวลชนอาวุโสและคอลัมนิสต์นามปากกา “ใบตองแห้ง” ที่เคยร่วมจัดรายการกับวอยซ์ทีวี ได้ให้ความเห็นหลังทราบความแน่นอนของคำสั่งงดออกอากาศว่า

“ส่วนตัวไม่ซีเรียสหรอก แต่จะบอกว่าพวกเขาเล่นผิดจังหวะแล้ว หนึ่ง อย่ามาอ้างว่าไม่ใช่ใบสั่ง เด็กอมมือยังไม่เชื่อ สอง มันมากับกระแสการเมือง คำขู่ปิด Voice เป็นเกมวัดใจวัดกระแสมาโดยตลอด การปิด Voice ในช่วงเลือกตั้ง ปกติคงไม่ทำ เพราะ คสช.จะถูกวิจารณ์ ละเมิดเสรีภาพสื่อ ปิดปากฝ่ายตรงข้าม ยิ่งเมื่อตัวเองเป็นคู่แข่ง แต่นี่มันคงอาศัยกระแสเกลียดทักษิณ ทษช. คิดว่าได้โอกาส ซึ่งคิดผิดถนัดเลยเมริง ทีนี้ละ ได้เวลาตีกลับ”

จากนั้นเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ (กสทช.) เปิดเผยว่า ในกรอบของคณะอนุกรรมการที่กำกับผังรายการ มีมติให้ช่อง Voice TV ปรับปรุงตนเองด้วยการพักใช้ใบอนุญาต 15 วัน เริ่มตั้งแต่ 00.01 น. วันที่ 13 ก.พ. 2562 เนื่องจากมีการรายการที่เผยแพร่เนื้อหาข้อมูลข่าวสารที่ทำให้สับสน เป็นการเลือกข้าง และเป็นการยั่วยุ จึงให้หยุดปรับปรุง หลังจากมีการร้องเรียนถึงเนื้อหารายการ To night Thailand ที่ออกอากาศในวันที่ 16 ธ.ค. 2561 และรายการ wake up news ที่ออกอากาศวันที่ 21 , 28 และ 29 ม.ค. 2562 รวมถึง 4 ก.พ. 2562

“ถ้าคนที่เคยดู ต้องตอบได้ว่า ผมแกล้งหรือไม่ ใช้คนที่มีความคิดเดียวกัน 3 คนมานั่งคุยกันก็จะออกไปในแนวเดิมอีก ยืนยันว่า กสทช. เป็นกลาง เป็นองค์กรอิสระ กสทช. ตั้งมาตั้งแต่ก่อนรัฐบาลนี้ และมีการตรวจจับมาตั้งแต่รัฐบาลนี้” พล.ท.พีระพงษ์ กล่าว

ขณะที่ทางฟากพรรคการเมืองก็ออกมาแสดงความกังวลว่า การออกคำสั่งจอดำ “วอยซ์ทีวี” สะท้อนผู้มีอำนาจใช้อำนาจกดทับ ปิดบังข้อเท็จจริงซึ่งจะเป็นการสร้างปัญหาตามมามากกว่า

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แสดงความเห็นกรณี กสทช. มีคำสั่งระงับการออกอากาศช่องวอยซ์ ทีวี เป็นเวลา 15 วัน โดยจะเริ่มมีผลในวันที่ 13 ก.พ.นี้ ว่า หน้าที่ของสื่อคือการนำเสนอความจริงทุกบริบทของสังคม โดยเฉพาะยิ่งใกล้เลือกตั้งมากเท่าไร สื่อยิ่งต้องมีเสรีภาพ เพื่อการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม

“ ด้วยเหตุนี้จึงอยากเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจพึงตระหนักถึงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว การพยายามปิดบังข้อเท็จจริงด้วยการเอาอำนาจมากดทับ ยิ่งเป็นการสร้างปัญหา นอกจากจะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนในสังคมแล้ว ยังไม่ได้รับความน่าเชื่อถือในสายตาของสังคมโลกอีกด้วย ”

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ขอเป็นกำลังใจให้วอยซ์ ทีวี และสื่อแขนงอื่นๆในการทำหน้าที่สะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้เลือกตั้ง ที่จำเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้องได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในทุกๆ ด้าน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลประกอบก่อนตัดสินใจเลือกผู้ที่จะเข้าไปทำหน้าที่บริหารประเทศ

ส่วน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้ด้วยว่า

ผมตกใจมากที่กสทช. มีมติระงับการออกกาศของสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวีนาน 15 วัน โดยอ้างว่ารายการ Wake Up News และ Tonight Thailand มีการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงยั่วยุ ขัดกับหลักกฏหมาย

นี่คือการปิดสื่อระดับชาติ ในช่วงเวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนก่อนถึงการเลือกตั้งทั่วไป นี่คือการปิดหูปิดตาประชาชนจากการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร นี่คือการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ช่วงของการเปลี่ยนผ่านคืนประชาธิปไตยกลับสู่มือของเราประชาชนคนไทย

การสั่งระงับการออกอากาศวอยซ์ทีวี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความพยายามทุกวิถีทางในการที่จะช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้ง และจะทำให้เกิดข้อกังขาต่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้งที่จะมาถึงอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่การวิพากษ์วิจารณ์ในหน้าสื่อก็ยังถูกจัดการอย่างเด็ดขาด แต่ผมเชื่อว่า #ยิ่งปิดคือยิ่งเปิด หมดยุคที่ประชนคนไทยจะถูกปิดหูปิดตาง่ายๆ หมดยุคที่เราจะยอมจำนนต่อการลุแก่อำนาจของเผด็จการ

ผมขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนที่ยืนหยัดเพื่อเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และประชาธิปไตย เพราะเสรีภาพสื่อคือเสรีภาพของประชาชน และผมขอเรียกร้องให้คนไทยทุกคน ร่วมกันแสดงออกว่าเราจะไม่ยอมถูกล่ามโซ่ไว้กับอดีต ไม่ยอมถูกมือเผด็จการปิดหูปิดตา ไม่ยอมให้อำนาจมืดอยู่เหนือปากกาที่เราจะกาให้กับพรรคเมืองที่พาประเทศไทยไปสู่อนาคต

สำหรับสถิติการงดออกอากาศของสถานีโทรทัศน์นับตั้งแต่การรัฐประหาร 2557 Voice TV มีสถิติการถูกร้องเรียน สั่งปรับทางปกครองต่อเนื่องกันหลายปี ตั้งแต่ปี 2558 มี 4 กรณี ปี 2559 มี 11 กรณี ปี 2560 มี 10 กรณี และพักใช้ใบอนุญาต 7 วัน ปี 2561 มี 9 กรณีที่ถูกร้องเรียนและมีคำสั่งทางปกครอง

อีกช่องที่มีการถูกคำสั่งงดออกอากาศมากรองลงมาคือ สถานีโทรทัศน์พีซทีวี ซึ่งถูกฝ่ายตรงข้ามจัดประเภทว่า “สื่อเลือกข้างฝ่ายเสื้อแดง” โดยข้อมูลจากไอลอว์ระบุว่า พีซทีวีถูกลงโทษถึง 13 ครั้ง จากการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการ 1 ครั้ง ตักเตือน 2 ครั้ง ปรับ 50,000 บาท 1 ครั้ง ระงับการออกอากาศทั้งสถานี 15 วัน 1 ครั้ง ระงับการออกอากาศทั้งสถานี 30 วัน 2 ครั้ง ระงับการออกอากาศทั้งสถานี 7 วัน 2 ครั้ง และอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองของศาลปกครอง 3 ครั้ง