ทราย เจริญปุระ : ในสองบรรทัดแสนสั้น

Blonote เป็นหนังสือสั้นๆ รวมเอาถ้อยคำสั้นๆ ที่สามารถอ่านได้แบบไม่ต้องเรียงหน้า

คุณเปิดหนังสือขึ้นมาซักหน้าหนึ่ง

แล้วมันจะพาคุณกลับไปยังเรื่องส่วนตัว

“ขอให้ฉัน

มีอะไรหลงเหลือบ้าง

แม้สักอย่างหนึ่ง

ก็ยังดี”*

บ้านฉันใช้เครื่องกรองน้ำ ฉันมีตู้เย็นส่วนตัวในห้อง พอน้ำหมดขวดก็ลงไปกรอกเติม ถือเป็นการลดขยะพลาสติกไปในตัว

แต่ตอนนี้อาการแม่ฉันมาสเตจที่เค้าคร่ำครวญเรียกหาแม่ หาคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา แม่นอนชั้นล่าง ประตูห้องเชื่อมต่อกับครัว และเสียงฮือๆ ของแม่นั้นดังพอจะได้ยินมาถึงในครัว

และถึงฉันจะเข้าไปหาในห้อง แม่ก็จะยังคงร้องอยู่อย่างนั้น, ซ้ำๆ หลับตา ไขว่คว้าในความว่างเปล่า ท่อนขาเล็กลีบเปลือยเปล่า ส่วนพึงสงวนห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อม กับเสียงฮือๆ หลอนหู

แม่ร้องทุกวัน ทั้งวัน จนกว่าจะกินยารอบเย็นแล้วเงียบไป เหมือนเสียงนกต้องสาปที่เพรียกหาอะไรที่จากไปแล้วตลอดกาลและไม่มีวันกลับมา

ฉันพบว่าเราหลีกเลี่ยงการลงไปกรอกน้ำ และอาการผวาตื่นตอนดึกกลับมาอีกครั้ง เมื่อตื่นมากลางดึกเช่นนั้น, ฉันค่อยหอบขวดน้ำลงไปกรอกจนเต็มท่ามกลางความเงียบของตัวบ้าน

ฉันเริ่มอยากคุยกับคนในบ้านน้อยลงเรื่อยๆ เพราะเหมือนทุกครั้งที่ลงไป จะต้องมีเสียงแม่แทรกเข้ามาประกอบบทสนทนา โดยบางทีฉันก็ไม่แน่ใจว่านั่นเสียงแม่จริงๆ หรือเสียงจากใจฉัน

การที่ยายมาหาทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง ยายผ่านความป่วยไข้และความตายมามากมาย ตาของฉัน-สามีของยาย- ตายจากมะเร็งที่เริ่มในปอด ก่อนลามไปถึงสมอง

ตอนพ่อฉันป่วย แม่ก็หอบหิ้วพ่อไปถึงอ่างทองให้ยายดูแล ยายแก่มากแล้ว เพิ่งผ่าเบ้าสะโพกไป แต่ยายก็ยังพูดคุยได้เรื่อยๆ ถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาโดยไม่ได้สนใจคำตอบหรือความเป็นจริง

ถ้าจะมีสักชีวิตที่มีกรรม ก็คงจะเป็นยายฉันนี่ล่ะ ที่ทุกคนดูพร้อมใจกันล้มหายตายจากไปเรื่อยๆ และคนที่เหลืออยู่ก็มีสภาพแบบแม่ฉัน

ยายนั้นแสนฟูมฟาย รบกวนวิถีการดูแลแม่ที่พวกฉันพี่น้องกับหมอประจำตัวแม่ได้วางเอาไว้ ห้ามก็โกรธ พูดอธิบายไปก็น้ำหูน้ำตา พอไม่พูดก็เวียนลุกเวียนนั่งจนไม่ได้นอนทั้งยายทั้งแม่ กระทั่งแม่เกิดอาการชักเกร็งตาค้าง น้ำลายย้อยยืดจากปากไร้การควบคุม เพราะฝืนต้านฤทธิ์ยาจากการโดนยายเข้าไปปลุกทุกครั้งที่ละเมอพึมพำ

และกลายเป็นตัวฉันเช่นกันที่กลับมาสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกครั้งเพราะเหมือนมีเสียงเรียกหรือสัมผัสแผ่วจากนรกของคนอกตัญญูมาแตะตัว คืนแล้วคืนเล่าที่ฉันไม่อยากนอนที่บ้าน วันแล้ววันเล่าที่เราเฝ้ามองหาข้ออ้างและเหตุผลดีๆ ที่จะไปนอนที่อื่น

ฉันอยากเข้าไปกรี๊ดใส่ยาย กระชากแกใส่รถแล้วส่งกลับบ้าน อยากจับตัวแม่เขย่าๆ แล้วบอกว่าพอได้แล้ว ทุกคนรู้เรื่องของแม่หมดแล้ว สิ่งที่แม่ทำไปไม่ใช่ความลับอีกต่อไป การร้องเรียกนั้นไม่มีใครช่วยแม่ได้

ฉันไม่รู้ว่าที่นี่กลายเป็นอะไรไปแล้ว ฉันเหมือนโดนทวงความดี ความกตัญญูทุกวันทั้งที่ไม่มีใครเอ่ยปากมาตรงๆ มันคือแดนชำระที่เราใช้ชีวิตระหว่างโลกคนเป็นกับโลกคนตายแบบนั้นหรือ? ฉันเป็นเหมือนวิญญาณที่ตายก่อนเวลา ไปไกลกว่านี้ไม่ได้ ต้องติดตายแอบซ่อนอยู่ในบ้านของตัวเอง

“ใจฉันไม่กว้างพอ

ที่จะให้ทุกอย่างถูกใจไปหมด”*

ไม่จริงเลยที่คนบอกว่าให้ไปวิ่งซะ ให้เหงื่อออกจนหมดจะได้ไม่เหลือเป็นน้ำตา

ความขมขื่นบางอย่างมันก็ติดแน่นกว่านั้น หนืดเหนียวจับติด หลอมละลายรวมกับเลือดเนื้อ ไม่อาจกลั่นออกจากรูขุมขนได้เว้นแต่ร่องน้ำตา

ฉันรู้ดีว่าเครียดแล้วไปวิ่ง ก็ยิ่งทำให้ร่างกายปล่อยความเครียดมากขึ้น

แต่บางทีไม่มีที่ไหนที่ฉันจะร้องไห้ได้อย่างชอบธรรมเท่ากับหน้าเครื่องวิ่ง ในห้องที่ปิดล็อก

นั่นละ, Blonote

มันนำเรื่องของคุณกลับมาได้ภายในสองบรรทัดแสนสั้น

“Blonote” เขียนโดย Daniel Armand Lee (Tablo) แปลโดย อิสริยา พาที ฉบับพิมพ์ครั้งแรก ธันวาคม 2561 โดยไจไจ books

*ข้อความจากในหนังสือ