‘พิชัย’ ชี้นายกฯต้องมีบรรทัดฐานสูงกว่า รมต. จึงต้องลาออก

2 กุมภาพันธ์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า ตามที่ได้มีการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออกหากรับการเสนอชื่อเป็นนายก จากพรรคการเมือง แต่พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิเสธ อีกทั้งยังใช้วาจาไม่สุภาพ “มึงมาไล่ดูสิ….แต่ไม่ออก” จนเป็นแฮชแท็คติดอันดับหนึ่งทั่วโซเชียลมีเดียนั้น เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างมาก และเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีสำหรับเยาวชน หากจำกันได้ 4 รมต. ก็ถูกเรียกร้องให้ออกอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการเกรี้ยวกราด และสุดท้ายก็ต้องลาออกเพราะทนอับอาย และทนกระแสสังคมกดดันไม่ได้ เพราะ รมต. ทั้ง 4 ท่านมีการศึกษาที่ดี ทราบว่าการอยู่ในตำแหน่งใน ครม.ที่ไม่ใช่ ครม.รักษาการปกติ เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น ดังนั้น จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ได้ศึกษาเป็นตัวอย่าง เพราะ “นายกรัฐมนตรีจะต้องมีบรรทัดฐานที่สูงกว่ารัฐมนตรี” และเป็นตัวอย่างให้กับคนทั้งประเทศ ทั้งการปฏิบัติ และทั้งคำพูด หากมีบรรทัดฐานต่ำ จะเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกหรือ จึงอยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาการกระทำและคำพูดของตน ต้องคิดให้หนักว่าหากเรื่องแค่นี้ยังทนความกดดันไม่ได้ แล้วพล.อ.ประยุทธ์จะเป็น นายกฯ อยู่ในการเมืองระบอบประชาธิปไตยได้อย่างไร ยิ่งจะไม่มี ม.44 แล้ว

นายพิชัยกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการที่ได้รับเชิญแสดงวิสัยทัศน์ทางนโยบายร่วมกับตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งบางนโยบายฟังดูดี จึงสงสัยว่าทำไม 5 ปี จึงไม่มีการปฏิบัติเลย ทำให้สงสัยว่าจะเชื่อได้ไหมว่า หากชนะการเลือกตั้งแล้วจะมีการดำเนินการจริง และหากประชาชนทวงถามจะถูกตะคอกอีกหรือไม่ การที่ตัวแทนพรรคพลังประชารัฐพยายามชี้แจงแก้ตัวว่าพรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้เลย มีแค่ 4 รมต. เท่านั้น ทำให้สงสัยว่า พรรคพลังประชารัฐรู้สึกละอายในผลงานของรัฐบาลใน 5 ปีที่ผ่านมาใช่หรือไม่ และต้องถามประชาชนว่าเชื่อหรือไม่ที่พรรคพลังประชารัฐไม่เกี่ยวกับรัฐบาลนี้ ที่ประชาชนจำนวนมากคิดว่าได้สร้างความลำบากให้อย่างมากในปัจจุบัน