“ปธ.อีสานเพื่อไทย” ปูด มีคนจ้องทำลาย “เพื่อไทย” ให้ถูกยุบ-แตกแยกในพรรค

“ประธานอีสานเพื่อไทย” ชี้ มีคนจ้องทำลาย “เพื่อไทย” ให้ถูกยุบ-แตกแยกในพรรค ยัน ยังไม่มีการเคาะวางตัวแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง และประธานภาคอีสานพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่างถึงกรณีที่มีกระแสข่าวเรื่องการเสนอตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรคพท. ว่า เป็นการสร้างความสับสนให้กับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป ทั้งนี้ ตนมีความคิดเห็นส่วนตัวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน 1.ส่วนของข้อกฎหมาย ซึ่งในการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพท.จะต้องส่งรายชื่อผู้ที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่เกิน 3 คน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่เกินวันสุดท้ายของการสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งการจะเสนอชื่อผู้ใด พรรคพท.จะต้องดำเนินการตามข้อบังคับ ข้อ 111 คือคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องประชุมเพื่อคัดเลือกบุคคลที่จะเสนอชื่อโดยต้องรับฟังความคิดเห็นผู้แทนสาขาพรรค ผู้แทนประจำจังหวัด และสมาชิก โดยบุคคลที่ถูกเสนอชื่อจะต้องให้ความยินยอม และ ส่วนที่ 2 ส่วนของข้อเท็จจริง พรรคพท.ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ และเป็นที่ยอมรับว่าบุคลากรของพรรคที่มีความรู้ความสามารถที่จะถูกเสนอชื่อมีจำนวนมาก ที่มีความเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของสมาชิกรวมทั้งพี่น้องประชาชนด้วย แต่ทั้งนี้พรรคก็มีข้อจำกัดที่จะปฏิบัติตามพ.ร.บ.ประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และรัฐธรรมนูญที่มีบทบังคับให้พรรคการเมืองมีความอิสระมาจากการครอบงำหรือชี้นำจากบุคคลที่มิได้เป็นสมาชิก ซึ่งกรณีนี้ก็มีโทษหนักถึงขั้นยุบพรรค ซึ่งจากกรณีที่เกิดเป็นข่าวเกี่ยวกับพรรคพท.ในเรื่องนี้สันนิษฐานได้ว่า มีบุคคลที่จ้องทำลายพรรคพท.โดยก่อให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคหรือหาประเด็นในการที่ทำให้เป็นเหตุให้พรรคพท.ถูกยุบ จากการที่มีส่วนรับผิดชอบหรือการประชุมปรึกษาหารือกันภายในพรรคพท. ยังไม่มีการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพิจารณาแต่ประการใด และขณะนี้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพท. และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รวมทั้งสมาชิกพรรคพท.ก็ร่วมกันในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเบื้องต้นซึ่งจะนำผลการรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนเพื่อประกอบการพิจารณาของกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งและกรรมการบริหารพรรคพท.ด้วย ส่วนในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะต้องเสนอต่อที่ประชุมสภาพรรคละหนึ่งคนเท่านั้นถึงแม้ว่ามีการเสนอจำนวนทั้งหมดต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง 3 คนก็ตาม แต่ละพรรคการเมืองจะต้องมีกระบวนการตามข้อบังคับพรรคเพื่อพิจารณาเสนออยู่แล้ว

มติชนออนไลน์