อนุสรณ์ ติปยานนท์ : เขา-เธอ และรักแห่งสายน้ำ

รัก/หลง/เมือง (3)

เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุด เขามีวันหยุดถึงสองวันในแต่ละสัปดาห์

ในครั้งก่อนเขาไม่เคยสนใจวันหยุดเหล่านั้น

สำหรับเขาแล้ววันหยุดคือการพักผ่อน เขานอนตื่นสายที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ กินอาหารน้อยที่สุดเท่าที่เขาจะกินได้

หลังจากนั้นเขาจะทำความสะอาดบ้าน เขาทำความสะอาดบ้านครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อสำรวจความเป็นไปของบ้าน

เขาทำความสะอาดบ้านครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อตรวจสอบการมีอยู่ของบ้าน

เพื่อระลึกถึงอดีตของบ้าน บ้านที่ไม่มีใครต้องการเลยเว้นแต่เพียงตัวเขาเอง

แต่ในยามนี้เขารู้แล้วว่าเขาจะใช้วันหยุดให้มีค่ากว่านั้นได้อย่างไร เขาจะใช้วันหยุดสำรวจเมือง เขาจะไปในทุกที่ที่ซ่อนเร้น

เขาจะไปในทุกที่ที่เขาเคยละเลย

เขามีเป้าหมายแล้ว

เขาแน่ใจ เขาจะต้องสร้างดินแดนเฉพาะตัวที่เขาได้สำรวจมันแต่เพียงผู้เดียว

เขาจะต้องสร้างดินแดนเฉพาะตัวที่เขาเชื่อว่าเมื่อเขาพาเธอไปยังดินแดนเหล่านั้น เธอจะรู้สึกถึงมันได้ในแบบเดียวกัน

ดินแดนที่เธอสัมผัสและรู้สึกได้ว่ามันมีอยู่สำหรับเขาและเธอเท่านั้น

 

ดังนั้น ในวันหยุดดังกล่าว แทนการนอนตื่นสายที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ แทนการกินอาหารน้อยที่สุดเท่าที่จะกินได้ เขากลับลุกขึ้นจากเตียงนอนนับแต่เช้าตรู่ ทำความสะอาดร่างกาย

หลังจากนั้น เขาถีบจักรยานคู่ใจไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินไปยังศูนย์การค้าขนาดใหญ่

เขาตรงไปยังร้านหนังสือ ซื้อแผนที่ทุกชิ้นที่มีเกี่ยวกับเมืองที่เขาอาศัยอยู่ เขานำแผนที่เหล่านั้นไปยังร้านกาแฟ คลี่มันลงบนโต๊ะกลางขนาดใหญ่กลางร้านโดยไม่แยแสสายตาผู้ใดและทำการสำรวจมันทีละส่วนอย่างตั้งใจ

แผนที่เมืองของเขามีรูปลักษณ์ไม่ต่างจากกะโหลกมนุษย์ขนาดย่อม ตัวเมืองแบ่งเป็นสองส่วนด้วยแม่น้ำสายหลัก อาจกล่าวได้ว่าคลองและแม่น้ำคือเส้นทางที่ผู้คนใช้สัญจรนับแต่อดีต หากรถไฟใต้ดินและลอยฟ้าคือทางเลือกในการเดินทางแห่งยุคสมัยปัจจุบัน

แม่น้ำและลำคลองคือทางเลือกในการเดินทางครั้งอดีต

เขาและเธอพบกันในรถไฟใต้ดิน

เขาและเธอพบกันในระหว่างการเดินทาง ดังนั้น ถ้าหากจะมีดินแดนที่เขาจะสร้างขึ้น เขาคิดถี่ถ้วนแล้วว่ามันควรถูกสร้างขึ้นด้วยการเดินทาง

 

เขาออกจากร้านกาแฟ พับแผนที่ทั้งหมดใส่ลงในย่ามสะพาย เรียกรถรับจ้างไปที่ท่าเรือที่ใกล้ที่สุด

ที่ท่าเรือแห่งนั้นเขาพบสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ทั้งร้านอาหารท้องถิ่น ทั้งการซื้อขายที่ขวักไขว่ไปมา ผู้คนพากันจับจ่ายสินค้าเพื่อเตรียมตัวต้อนรับปีหน้าที่ใกล้จะมาถึง

แผ่นป้ายต้อนรับปีใหม่ทำให้เขาประหลาดใจ

นี่เขาอยู่ในเมืองแห่งนี้มาจนถึงช่วงสิ้นปีแล้วเช่นนั้นหรือ วันเวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว

วันเวลาที่เขาหลงลืมและไม่ทันนึกถึง เขาหมกมุ่นกับตนเองมากเกินไป และหากไม่มีการปรากฏตัวของหญิงสาวผู้นั้นแล้ว บางทีเขาอาจผ่านปีนี้ไปโดยไม่ตระหนักรู้ถึงมันเลยก็เป็นได้

ที่ท่าน้ำแห่งนั้นมีทางเลือกให้เขาสองทาง ทางที่หนึ่งคือการโดยสารเรือข้ามฟากไปยังอีกฝั่งของเมืองซึ่งนั่นเหมาะสำหรับผู้คนที่เดินทางเป็นประจำในชีวิตประจำวัน

หากแต่เขาผู้ปรารถนาการสำรวจแม่น้ำและลำคลอง เขาจำเป็นต้องว่าจ้างเรือรับจ้างสักลำที่จะพาเขาลัดเลาะไปตามที่ต่างๆ

เขาสอบถามราคาจากนายท่าของเรือข้ามฟากบริเวณนั้น เขาได้ราคาค่าจ้างโดยประมาณ อีกทั้งยังได้แผนที่ของคลองและเส้นทางสัญจรจากนายท่าผู้นั้นด้วย

“เที่ยวคลองแบบนี้ ต้องมีแผนที่” นายท่าผู้นั้นกล่าว “เอาอันนี้ไปใช้เถอะ เก่าสักหน่อยแต่ก็มีรายละเอียดของคลองน้ำครบถ้วน นานๆ ผมจะเห็นคนชาติเราสนใจอะไรแบบนี้ ส่วนใหญ่มีแต่ชาวต่างชาติเท่านั้น เที่ยวคลองกันก็ดี จะได้ไม่ลืมว่าเราอยู่กันอย่างไร น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้อะไรๆ ก็เป็นถนนไปหมดแล้ว สมัยก่อน ตอนผมเด็กๆ ผมก็ว่ายน้ำเล่น โดดน้ำเล่นแถวนี้ล่ะ เห็นคอสะพานตรงนั้นไหม ผมเคยทิ้งดิ่งลงมาตามคำท้าของเพื่อน หัวกระแทกโคนเสา ปากฉีก เย็บหลายเข็ม เลือดแดงเต็มแม่น้ำเลยทีเดียว”

เขายืนฟังเรื่องราวส่วนตัวของนายท่าอย่างเพลิดเพลิน

เขาพบว่าตนเองห่างหายจากบทสนทนากับผู้คนรอบข้างมาเนิ่นนาน นอกจากเพื่อนร่วมงานสองสามคนในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่เขาทำงานอยู่ เขาแทบไม่ได้สนทนากับบุคคลอื่นใดเลย

อีกทั้งบทสนทนาในห้องปฏิบัติการนั้นยังเต็มไปด้วยศัพท์แสงเฉพาะทางที่ปราศจากอารมณ์และความรู้สึก

การคิดถึงเธอ การใฝ่ฝันถึงเธอ พาเขาออกจากพื้นที่ส่วนตัว พาเขาออกจากดินแดนส่วนตัวอันอับเฉา หม่นเซา

เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่มีดินแดนส่วนตัวอีกต่อไปนับแต่นี้เขาจะสร้างและขีดวงแต่ดินแดนที่มีเขาและเธอเป็นเจ้าของร่วมกันเท่านั้นเอง

นายท่าเล่าเรื่องราวของเขาต่อไปถึงชีวิตวัยหนุ่ม การล่องเรือค้าขาย ขึ้นล่องแม่น้ำสายหลักของประเทศ ชีวิตในเรือ การได้พบกับคนรัก

ในตอนแรกเขาวาดหวังว่านายท่าจะพบรักกับหญิงสาวสักคนระหว่างการเดินทาง แต่ไม่ นายท่าผู้สัญจรไม่หยุดหย่อนถูกครอบครัวคลุมถุงชนเพื่อให้เขายุติชีวิตเร่ร่อน

เขาคิดถึงพ่อและแม่ของตนเอง

หากพวกเขายังมีชีวิตอยู่ ชีวิตรักของเขาก็อาจลงเอยแบบที่ว่าได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ของเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ครอบครัวที่เขาเคยมีจบสิ้นลงแล้ว บัดนี้สิ่งเดียวที่เขากระทำได้คือการสร้างครอบครัวของตนเองขึ้นมา

ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ มีแต่เขาเท่านั้นที่เป็นผู้รับผิดชอบมันแต่เพียงลำพัง

 

เรื่องเล่าของนายท่าจบลงแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เรือรับจ้างลำหนึ่งแล่นเข้าที่ท่า นายจ้างเหลียวมองไปด้านหลัง ตะโกนเรียกชื่อของชายเจ้าของเรือ ก่อนจะตรงไปเจรจาความ เขาเดินไปที่ท่า ชายเจ้าของเรืออายุราวเจ็ดสิบปีขึ้นไป เป็นคนชราแน่แท้ในอายุ

ทว่าร่างกายของเขากลับไม่บอกกล่าวอะไรเช่นนั้น กล้ามเนื้อของเขาทั้งกล้ามแขนและขาล่ำสันกำยำ ผิวของเขาดำมะเมื่อมดังคนกรำแดดหนัก

เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อทราบความประสงค์ของผู้ว่าจ้าง

“ขึ้นเรือสิคุณ” ชายเจ้าของเรือกล่าวกับเขา “โชคดีวันนี้แดดไม่กล้าสักเท่าใด ไปมันให้ทั่วๆ นี่แหละ เรื่องค่าจ้างค่าออนอะไรนั้น ไว้ว่ากันตอนเลิกโรงอีกที”

เขาทำตามคำกล่าวของชายเจ้าของเรืออย่างว่าง่าย ขาข้างหนึ่งเหยียบลงที่กราบเรือหางยาวลำนั้น

ส่วนขาอีกข้างเหยียบลงที่กระดานไม้หัวเรือ มือของเขาจับเข้ากับหลังคาผ้าร่มบนโครงเหล็ก น้ำหนักตัวของเขาทำให้เรือไหวยวบเล็กน้อยก่อนจะปรับตัวสู่สมดุลอีกครั้งในเวลาต่อมา

ชายเจ้าของเรือเดินผ่านเขาไปท้ายเรือ ดึงเชือกที่ติดอยู่กับเครื่องจักรขนาดพอเหมาะจนไอควันจากท่อท้ายเรือพ่นออกมาเป็นระลอกสีเทา เขาทิ้งตัวนั่งลงบนแผ่นไม้กลางเรือที่ขัดกลางเป็นที่นั่ง และไม่ถึงอึดใจเสียงเครื่องยนต์เรือก็ดังก้องพาเรือลำน้อยนั้นพุ่งออกสู่ลำน้ำใหญ่

เรือแล่นทะยานพาเอาละอองน้ำสาดเข้าตกต้องใบหน้าของเขา

ความเย็นของสายน้ำทำให้เขาแช่มชื่น เสียงเครื่องยนต์เรือรบกวนประสาทสัมผัสของเขาในตอนแรก แต่เมื่อเริ่มคุ้นชินแล้ว ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาพปกติ เขาถ่ายรูปบ้านไม้หลังเก่าริมแม่น้ำที่ปรากฏให้เห็นเป็นระยะอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่เรือจะเลี้ยวซ้ายจากแม่น้ำเข้าสู่ลำคลอง ในครานี้ แทนที่จะมีแต่เพียงบ้านเรือน เขากลับได้เห็นชีวิตของผู้คนจำนวนมากที่ไม่อาจมองเห็นได้จากทางท้องถนน ทั้งผู้คนที่กำลังตระเตรียมอาหาร ซักล้างเสื้อผ้ากับท่าน้ำส่วนตัว ผู้คนที่พายเรือเล็กสวนทางกับเขา เรือขายอาหาร เรือขายเครื่องดื่ม จริงอยู่ว่าเส้นทางสัญจรทางน้ำหมดความสำคัญลงแล้ว แต่เขาเชื่อว่าไม่ใช่สำหรับผู้คนเหล่านี้เป็นแน่

“จะขึ้นฝั่งถ่ายรูปตรงไหนก็บอกผมแล้วกัน ไอ้ผมมันวิ่งเรืออยู่ในคลองเหล่านี้แทบทุกวันจนไม่มีอะไรเตะตาอีกแล้ว แต่คุณเพิ่งมา อะไรๆ ที่เห็นก็น่าจะน่าสนใจไปทั้งหมด อยากเห็นอยากดูอะไรชัดๆ ก็บอก เดี๋ยวผมเบนหัวเรือขึ้นฝั่งให้ ไม่ต้องเกรงใจ นานๆ ทีถึงจะเจอคนชาติเดียวกันสนใจอะไรแบบนี้ ไม่มีใครเขาอยากนั่งเรือแล้วเดี๋ยวนี้ มันร้อน สู่นั่งรถตากแอร์เย็นๆ สบายกว่า”

เขารับคำและไม่ถึงอึดใจเขาก็ขอให้ชายคนขับเข้าเทียบท่าที่วัดแห่งหนึ่ง ต้นไทรใหญ่ปกคลุมท่าน้ำจนมืดทึบ หากแต่หน้าบันของโบสถ์ที่แลดูเก่าคร่ำคร่าและแลเห็นได้แต่ไกลกลับดึงดูดใจเขาอย่างมาก

เขากระโจนขึ้นฝั่งทันทีที่เรือจอดสนิท ภายในวัดร่มเย็นสมกับคำกล่าวว่าวัดเป็นที่ที่ใช้หนีร้อนมาพึ่งเย็น เขาหัวเราะกับคำกล่าวนี้ ก่อนจะออกสำรวจไปรอบๆ วัดที่แทบจะไม่ปรากฏผู้คนใดเลย มีกองหินขนาดใหญ่อยู่กลางลานวัด ก่อขึ้นเป็นภูเขาขนาดย่อม มีประตูเหล็กเล็กๆ อยู่ตรงเชิงเขาประดิษฐ์นั้น

และมีป้ายบอกเพียงว่า “เชิญมุดถ้ำจำลองเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้านใน”

เขาไม่คิดอะไรมากนับจากนั้น