บทวิเคราะห์ : มองสถานการณ์หลังแบงก์ถอยห่างอสังหาฯ

วงการอสังหาริมทรัพย์และที่เกี่ยวข้องมีความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เผชิญกับสถานการณ์ชะลอตัวแล้ว

ปฏิกิริยาสะท้อนกลับแรกสุด เป็นไปตามคาดคือ ปฏิกิริยาจากสถาบันการเงิน เพราะเป็นสถาบันที่ต้องจัดการความเสี่ยง หรือนัยหนึ่งกลัวความเสี่ยงมากที่สุด จำต้องกระเถิบถอยห่างธุรกิจอสังหาฯ ก่อนใคร

เห็นได้จากการเตรียมสำรองกระแสเงินสดของบริษัทอสังหาฯ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยการเตรียมออกหุ้นกู้ พบว่า อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้สูงขึ้นกว่าช่วงต้นปีมาก แม้ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากเป็นช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น แต่อีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ใช่แต่เรื่องอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ออกใหม่สูงเท่านั้น ว่ากันว่า แม้แต่การจัดจำหน่ายหุ้นกู้ก็ยังไม่มั่นใจว่าจะจำหน่ายได้หมดตามต้องการทุกรายหรือไม่

 

ถัดมา เรื่องสินเชื่อโครงการ ยังไม่มีตัวเลขออกมาว่ามีการปฏิเสธการให้สินเชื่อโครงการกันมากน้อยแค่ไหน เพราะไม่มีการแถลงเรื่องนี้ต่อสาธารณะเหมือนหุ้นกู้ แต่ก็คาดเดาได้ไม่ยากนัก

เพราะขนาดการออกหุ้นกู้ซื้อซึ่งมักเป็นเรื่องการระดมทุนสำรองสภาพคล่องของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน การยื่นกู้ขอสินเชื่อโครงการของบริษัทอสังหาฯ ขนาดกลางขนาดย่อมทั่วไปย่อมยากมากกว่าอย่างแน่นอน

สินเชื่อรายย่อยสำหรับผู้ซื้อบ้าน คอนโดฯ แม้ยังไม่มีแบงก์ใดออกมาแถลงเป็นทางการว่าจะลดสินเชื่อประเภทนี้ตรงๆ เป็นเพียงแต่ออกมาระบุว่า สินเชื่อที่อยู่อาศัยรายย่อยยังมีอัตราหนี้เสียเพิ่มขึ้นไม่หยุด

และที่น่าประหลาดใจคือ ลูกหนี้สินเชื่อรายย่อยที่อยู่อาศัยที่ผ่อนมาแล้ว 4-5 ปีไม่มีปัญหา ก็เริ่มมีปัญหากัน

เช่นนี้แล้วแบงก์คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยอย่างแน่นอน

 

ว่ากันว่าในขณะนี้แบงก์ใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยอยู่ก่อน ได้ถอยฉากจากสินเชื่อที่อยู่อาศัยก่อนใคร อาจเป็นเพราะมีพอร์ตสินเชื่อประเภทนี้มากพออยู่แล้ว

แต่ก็ยังมีแบงก์ขนาดกลางบางรายที่เพิ่งหันมาขยายสินเชื่อที่อยู่อาศัยไม่นาน ยังคงเดินหน้าปล่อยสินเชื่อเพื่อขยายฐานส่วนแบ่งตลาด พอช่วยบรรเทาสถานการณ์

การที่แบงก์เผ่นก่อนเมื่อเกิดภาวะชะลอตัว หรือมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นนั้น นับเป็นเรื่องปกติ เพราะแบงก์หรือแบงเกอร์เป็นพวกที่อ่อนไหวกับความเสี่ยง

แต่การที่แบงก์ทิ้งสินเชื่ออสังหาฯ หันไปหาสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์นั้น ไม่รอดหรอก เพราะปัญหาที่เผชิญอยู่เวลานี้เป็นปัญหาของเศรษฐกิจทั้งระบบ เป็นปัญหากำลังซื้อของทั้งตลาด ไม่ใช่ปัญหาของธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง

จะแตกต่างกันก็แค่หนี้เสียสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยึดหลักประกันได้ง่าย แต่สินเชื่อที่อยู่อาศัยต้องฟ้องร้องกันเป็นปีเท่านั้น