วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร/ ตัวประหลาด ล้วนเป็นแขก (168)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

ตัวประหลาด ล้วนเป็นแขก (168)

 

พลันที่ก๊วยพู้กลับไปรายงาน อึ้งย้งบังเกิดความแตกตื่นสงสัยมากยิ่งกว่าก๊วยพู้มากมายหลายเท่า ถึงกับกวักมือเรียกจูจื้อลิ้วไปพบและสนทนาในห้องด้านใน

จูจื้อลิ้ว ยิ่งฟัง ยิ่งเคลือบแคลงสงสัย

“พ่อครัวมนุษย์ เซียนร้อยสมุนไพร ก็รุดมายังเซียงหยางหรือ แม่ชีชุดดำนั้นคงเป็น ‘มือล้างตระกูล’ (เจาะโหวซิ่ว) เสี่ยอิงซือไถ่ ที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา บัณฑิตนั้นวาดรูปปีศาจบนพัดจีบ หรือว่าเป็น ‘ท้าวจักริน’ (จ้วนลุ้นอ้วง) เตียเจ่กมิ้ง”

ทางหนึ่ง จูจื้อลิ้วพูด ทางหนึ่ง อึ้งย้งผงกศีรษะรับ

“เรื่องนี้ต้องเป็นไปไมได้” จูจื้อลิ่วสั่นศีรษะติดต่อกัน “ยี่โกวเนี้ยมีอายุสักเท่าใด นอกจากเมื่อไม่นานมานี้ทำหน้าที่ส่งสารครั้งหนึ่งแล้ว ที่แล้วมาไม่เคยออกพ้นจากรัศมี 1 ลี้ของเซียงหยาง ไหนเลยคบหากับบุคคลเหล่านี้

อีกประการ บ้อเส็กเซี่ยงซือแห่งเสียวลิ้มยี่ระหว่างนี้จำศีลภาวนา ยอดฝีมือชาวบู๊ลิ้มขึ้นเขาไปนมัสการยังไมได้พบหน้าแม้สักครั้งเดียว ไหนเลยมาอวยพรวันเกิดแก่เด็กหญิงเยาว์วัยที่เซียงหยาง อืมม์ คงเป็นโกวเนี้ยน้อยสมคบคิดกับผู้ที่ชมชอบก่อเรื่องจงใจสร้างเหตุการณ์ เพื่อหยอกล้อเจ้เจ๊ของนางเล่น”

แม้ข้อสันนิษฐานจะเข้า “ทาง” แต่อึ้งย้งก็ยิ่งเพิ่มความสงสัย

 

ความสงสัย 1 ก็เหมือนกับที่เคยสงสัยมาแล้ว “ชื่อเสียงของเสี่ยอิงซือไถ่และเตี่ยเจ่กมิ้ง พวกเราปรกติ น้อยครั้งจะเอ่ยถึง เซียงยี้ไม่น่าจะล่วงรู้ ต่อให้คิดเสกสรรปั้นแต่งก็ไม่แน่ว่าจะปั้นแต่งได้”

ความสงสัยนี้มีทางออกตามแบบของจูจื้อลิ้ว

“เช่นนี้เป็นว่ามีตัวตนจริงๆ แล้วพวกเรารุดไปพบปะ แสดงออกถึงมารยาท พวกเขาเมื่อเป็นสหายของยี่โกวเนี้ย การมายังเซียงหยางคงไม่มีอคติคิดร้าย”

คล้ายกับจะเห็นด้วย แต่ความสงสัย 1 ของอึ้งย้งก็ตามมา

“ข้าพเจ้าก็คาดคิดเช่นนี้ เพียงแต่เสี่ยอิงซือไถ่ เตี่ยเจ่กมิ้งและพวก เป็นคนกึ่งธรรมะ กึ่งอธรรม อารมณ์แปรปรวนสุดหยั่งคาด พวกเราแม้ไม่กลัวเกรงแต่ก็เพียงพอกับการสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่ผู้คน

ตอนนี้ข้าศึกสำคัญประชิดติดตัวเมืองไม่อาจแบ่งแยกสมาธิไปรับมือกับตัวประหลาดเหล่านี้”

ทันใด นอกหน้าต่างบังเกิดเสียงหัวร่อฮาฮา แล้วคนผู้หนึ่งก็กล่าว

“ก๊วยฮูหยิน เชิญเถอะ เหล่าตัวประหลาดมายังเซียงหยางเพียงเพื่ออวยพรวันเกิด หามีอคติคิดร้ายไม่ ไยต้องปวดเศียรเวียนเกล้าไป”

ขณะกล่าวคำ “หามีอคติคิดร้ายไม่ ไยต้องปวดเศียรเวียนเกล้าไป” สุ้มเสียงอยู่ห่างหลายวา อึ้งย้ง จูจื้อลิ้ว ก๊วยพู้ พากันไปยังริมหน้าต่างเห็นบนกำแพงตึกมีเงาดำเคลื่อนไหววูบหนึ่ง ท่าร่างรวดเร็วสุดเปรียบปาน

พลันหายลับสาบสูญ

 

พอเงยหน้าขึ้นเห็นบนต้นไม้กลางลานตึกปักไว้ด้วยพัดจีบอันทำจากกระดาษขาวคลี่กางออกเล่มหนึ่ง พัดจีบนั้นอยู่สูงกว่าระดับพื้น 4 วา

อึ้งย้งกระโดดปราดขึ้น มือซ้ายกดใส่ลำต้นไม้ หยิบยืมสภาวะพลิกตัวขึ้น มือขวากดใส่กิ่งขวางกิ่งหนึ่ง ร่างก็ขึ้นสูง 4 วา

ยื่นมือถอดดึงพัดจีบทิ้งตัวลงสู่พื้น

เมื่อนำมาชมดูใต้แสงโคมไฟในห้องด้านใน เห็นด้านหนึ่งของพัดจีบวาดรูปปีศาจขาวแลบลิ้นออกมา อยู่ในอิริยายิ้มแย้มแจ่มใส 2 มือสอดประสานทำท่าคารวะ ด้านข้างเขียนข้อความ

“ขออวยพรให้ก๊วยยี่โกวเนี้ยอายุยั่งยืน 100 ปี ชีวียาวนานไม่สิ้นสุด”

อึ้งย้งพลิกพัดจีบเห็นอีกด้านเขียนว่า “แม่ชีเสื้อดำ เสี่ยอิง เซียนร้อยสมุนไพร พ่อครัวมนุษย์เป็นตาย 9 ครั้ง หลวงจีนไว้ผมเนื้อสุนัข ฮั่งบ้อโก้ว เตียเจ่กมิ้ง กราบคารวะก๊วยไต้เฮียบ ก๊วยฮูหยิน เพื่ออวยพรวันเกิดธิดารักของท่าน ไม่กล้ามาเยือนโดยอุกอาจ โปรดให้อโหสิ”

อักษรหลายแถวนี้รอยหมึกยังไม่แห้งสนิท ขีดเขียนด้วยพลังอันเข้มแข็ง จูจื้อลิ้วซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลิปิกรต้องชมเชยอย่างจริงใจ

“ตัวหนังสืออันสวยงามนัก”

 

เป็นอันแจ่มชัดว่า บรรดาตัวประหลาดเหล่านี้มิได้มีเป้าหมายมาร่วมชุมนุมผู้กล้า เพราะว่าที่แท้ล้วนเป็นแขกเนื่องในวันเกิดของก๊วยเซียง

คำถามก็คือ เป็นไปได้อย่างไร

อย่าว่าแต่อึ้งย้งจะสงสัย อย่าว่าแต่ก๊วยพู้จะไม่แน่ใจ แม้กระทั่งผู้อาวุโสระดับจูจื้อลิ้ว ยังมากด้วยความแคลงใจ

นี่คือปริศนาอันสร้างความกังวลให้แก่อึ้งย้งยิ่งยวด