‘พิชัย’ วอน ‘แบงค์ชาติ’ ชะลอขึ้นดอกเบี้ยให้นานที่สุด ชี้เศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวว่า ตามที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศ เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังจะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนนี้นั้น อยากขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง โดยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะซ้ำเติมภาคธุรกิจทำให้มีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และเพิ่มภาระการใช้หนี้ของประชาชน

“ตลอด 4 ปี เศรษฐกิจย่ำแย่จึงลำบากกันหมด ถ้าเศรษฐกิจดีจริงตามที่รัฐบาลบอก รัฐบาลก็คงไม่ต้องออกมา ลด แลก แจก แถม เพื่อหาเสียงกันถึงขนาดนี้ ผลโพลสำรวจล่าสุดออกมาว่าประชาชน ร้อยละ 61.92 มองว่าเศรษฐกิจแย่ลง อีกทั้งปัจจุบันหนี้เสียในระบบธนาคารยังเพิ่มสูงขึ้นมาก หากเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะยิ่งซ้ำเติมให้หนี้เสียเพิ่มมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นซึ่งจะทำให้สินค้าส่งออกของไทยมีราคาแพงขึ้น และจะทำให้การส่งออกของไทยที่ยังผันผวน อาจจะยิ่งผันผวนมากยิ่งขึ้น และ ในภาวะสงครามการค้าที่เป็นอยู่ระหว่างสหรัฐอเมริกา และ จีน ที่อาจจะขยายกำลังวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ การมีค่าเงินบาทที่อ่อนจะช่วยสนับสนุนให้การส่งออกของไทยแข่งขันได้ดีกว่า” นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้นายพิชัย กล่าวว่า เข้าใจดีว่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ซึ่งหากยังไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยมาก เช่น ยังไม่มีเงินไหลออกจากประเทศไทยในปริมาณที่สูงมากนัก และอัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ก็อยากให้ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของไทยไปให้นานที่สุด ยกเว้นจะมีปัจจัยที่จำเป็นจริงๆต้องขึ้นดอกเบี้ยจึงค่อยพิจารณาขึ้นดอกเบี้ย

นายพิชัย กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวอาจจะสอดคล้องกับ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของรัฐบาลนี้ โดยพรรคไทยรักษาชาติจะคำนึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนเป็นหลัก ไม่จำเป็นว่าเหมือนกันหรือต่างกัน นอกจากนี้ ในเรื่องสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่เริ่มจะสงบชั่วคราวหลังจาก สหรัฐและจีนเปิดเจรจารอผล 90 วัน แต่มีโอกาสสูงที่จะกลับมาเปิดสงครามการค้ากันใหม่ได้ และอาจจะรุนแรงถึงขนาดที่ นายลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ถึงกับเตือนว่าอาเซียนอาจจะต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐหรือจีนนั้น ขอแสดงความเห็นว่าหากจำเป็นต้องเลือกข้างอาจจะทำให้ประเทศในกลุ่มอาเซียนเกิดความแตกแยกกันได้ เพราะแต่ละประเทศมีความสัมพันธ์และผลประโยชน์กับแต่ละฝ่ายต่างกัน ดังนั้น อาเซียนและประเทศไทยจะต้องวางตัวให้เหมาะสมเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุด และอยากให้รัฐบาลได้พิจารณาข้อวิจารณ์ของสื่อต่างประเทศที่ห่วงว่า การที่ไทยพึ่งพาประเทศมหาอำนาจประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไปจะส่งผลเสียกับไทยเอง เหมือนที่หลายประเทศเคยเจอมาแล้ว

 

ที่มา มติชนออนไลน์