‘ธนาธร-ปิยบุตร’ ซัด กกต.เลิกเป็นหางเครื่อง คสช.-ออกมติห้ามบริจาคให้ชัด ลั่นพร้อมร้องศาลถอนคำสั่ง

“ธนาธร-ปิยบุตร” ท้า กกต.ออกมติห้ามบริจาคให้ชัด พร้อมร้องศาลถอนคำสั่ง วอนตีความส่งเสริมประชาธิปไตย เลิกเป็นหางเครื่อง คสช. เพื่อเกียรติภูมิขององค์กร ชวนสมาชิกแปรวิกฤตเป็นโอกาสโหมสมัครสมาชิกตลอดชีพ

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กพรรคอนาคตใหม่ ชี้แจงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ห้ามพรรคอนาคตใหม่รับบริจาคเงินและทำกิจกรรมระดมทุนต่างๆ เนื่องจากถือเป็นกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งขัดคำสั่ง คสช.ว่า หลังรัฐประหาร คสช.มีคำสั่งที่ 57/2557 ห้ามพรรคการเมืองเก่ารวมถึงพรรคการเมืองใหม่ระดมทุนจากสมาชิก ทำได้เพียงรับบริจาคจากกรรมการบริหารพรรคและสาขาเท่านั้น ซึ่งการระดมทุนดังกล่าวเป็นการระดมทุนเพียงไม่กี่คน ทำให้เจตนารมณ์ของพรรคที่จะระดมทุนจากทุกคนเดินต่อไม่ได้ เป็นการล้มเลิกพรรคที่มาจากมวลชน

“เจตนารมณ์ของกฎหมายพรรคการเมือง เรียกร้องให้เป็นพรรคของมวลชน ไม่มีนายทุนเป็นเจ้าของ ให้พรรคเป็นของทุกคน เข้าใจว่า กกต. ผู้ร่างกฎหมาย และสังคมก็อยากจะเห็นพรรคการเมืองแบบนี้ แต่เมื่อมีคำสั่ง คสช. และการครองอำนาจของ คสช.มาตลอด 4 ปีกว่านั้น ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีวิธีคิดที่ว่า ห้ามเอาไว้ก่อนแล้วว่ากันทีหลัง ซึ่งไม่ก่อให้เกิดการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม จึงอยากเรียกร้อง กกต.เป็นกลไกที่ทำให้การเลือกตั้งไปสู่ความยุติธรรม และทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย และไม่เป็นกลไกของ คสช.ที่จะบีบให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคเดินทางไปด้วยความยากลำบาก ซึ่งพรรคอนาคตใหม่มีอุปสรรคทางกฎหมายมาโดยตลอด

“เรารอมา 97 วัน กว่าจะได้รับการรับรอง ขณะที่การรับสมาชิกก็ห้ามหาเสียง วันนี้มีอีกแล้ว ห้ามระดมทุน ไม่เป็นไร กฎหมายอุปสรรคต่างๆ เอามาเต็มที่ เราพร้อมที่จะสู้อุปสรรคเหล่านี้ ผมเรียนว่า ถ้าจะห้ามกันเป็นลายลักษณ์อักษร กกต.ช่วยมีมติชัดเจนห้ามระดมทุน แล้วเราจะพิจารณาฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งนี้ต่อไป และภายใต้ข้อจำกัดนี้เอง ผมขอเรียกร้องพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคแบบนี้ในสังคมไทย ช่วยกันจ่ายค่าบำรุงสมาชิกแบบตลอดชีพ ซึ่งอยู่ที่ 2,000 บาทขึ้นไป เราจะนำงบในส่วนนี้มาสนับสนุนพรรคระหว่างที่รอ กกต.ดำเนินการ ขอชาวอนาคตใหม่แปรวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ชวนกันเข้ามาสมัครสมาชิกให้มากที่สุด เข้ามาเท่าที่จะมากได้ คนที่เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่เป็นธรรม ขอให้ช่วยกันเข้ามา เราจะได้มีเงินก้อนนี้ในการทำกิจกรรมต่อไป” นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่มองว่า เสรีภาพเป็นเรื่องหลัก การจำกัดสิทธิเสรีภาพเป็นข้อยกเว้น จะต้องมีกฎหมาย เหตุผล พอสมควรอธิบายได้ว่าจำกัดไปเพื่ออะไร ซึ่งกรณีนี้ไม่มีฐานอำนาจใดที่ กกต.จะมาห้าม และการรับบริจาคไม่กระทบต่อความสงบเรียบร้อยตามที่ คสช.อ้าง สิ่งที่ทำจึงไม่เข้าข่ายไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ พรรคจะต้องมีการระดมทุน เนื่องด้วยระยะเวลาอันสั้นเราจะไม่สามารถทำงานได้ แต่ตกอยู่ในวังวนเดิม คือการมีนายทุนเข้ามาบริจาคให้พรรค โดยเราขอเรียกร้องให้ กกต.เปิดกว้าง ใช้กฎหมายเพื่อสนับสนุนพรรคการเมือง ไม่ใช้กฎหมายไปในทางสกัดกั้น

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า เราอนาคตใหม่ ต้องการให้การเงินของพรรคโปร่งใส ต้องสำแดงทุกบาท เพราะทุกคนชอบมักจะคาดหวังว่าเงินมาจากธนาธร พรรคก็ต้องเป็นของธนาธร ซึ่งตนพูดอย่างนี้ทุกครั้งในการพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรค การลงพื้นที่และทุกเวทีจะทำให้พรรคที่ระดมทุนจากสมาชิกเป็นไปได้จริง อย่างไรก็ตาม ทีมงานมีความตั้งใจในการขายของที่ระลึก การจัดงานวัฒนธรรม การตีกอล์ฟ เราวางแผนเป็นอย่างดี เพื่อที่จะทำให้พรรคของเราระดมทุนได้จริง ซึ่งจากการคำนวณคร่าวๆ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 300 ล้านบาท แต่ปัญหาคือ เมื่อพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งประกาศออกมาจะมีการห้ามระดมทุน เรามีเวลาเหลือไม่ถึง 2 เดือนที่จะทำให้ได้ 300 ล้านบาท ถ้าไม่ให้เราระดมทุนเรื่อยๆ ทุกพรรคจะไม่มีรายรับเลย นอกจากค่าสมาชิก เราเข้าใจเจตนารมณ์กฎหมาย ที่ออกแบบมาให้พรรคการเมืองมีรายได้ที่หลากหลายไม่พึ่งพิงเงินทุน

“เมื่อกฎหมายออกมาแบบนี้ สิ่งที่บังคับพรรคการเมืองคือ 1 ยอมแพ้การเลือกตั้งไปซะ ไม่มีเงิน 2 ไม่ต้องสำแดงรายจ่าย ไม่ต้องสำแดงรายรับ เงินใช้จ่ายพรรคทั้งหมดก็ไม่ต้องสำแดง นี่คือการทำผิดกฎหมาย บังคับให้พรรคทำผิดกฎหมาย ถ้าอยากจะชนะการเลือกตั้ง ประชาชนก็ไม่รู้ว่าใครมีอิทธิพลกับพรรค ประชาชนก็ไม่รู้ว่าเงินของพรรคนี้มาจากไหน” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวด้วยว่า ท่านใดที่ยังลังเลและเห็นว่ากฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ขอเรียกร้องให้เข้ามาสมัครให้มากที่สุด ทั้งนี้ เราในฐานะผู้บริหารพรรคจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น จะไม่มีการนำเงินไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย ขอให้ทุกท่านเชื่อใจพวกเราที่จะเอาเงินของประชาชนมาทำเพื่อพรรคของประชาชน หยุดการสืบทอดอำนาจ คสช. เอาประชาธิปไตยกลับคืนสู่สังคมได้

ทั้งนี้ นายปิยบุตรกล่าวย้ำว่า กกต.จะมีชีวิตอยู่ต่อไปเรื่อย เมื่อ คสช.หายไปแล้ว กกต.ยังอยู่ จะรักษาเกียรติภูมิองค์กรที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง และจะสนับสนุนพรรคการเมืองได้อย่างดี จำเป็นจะต้องทบทวนการพิจารณาตีความใหม่ อยู่ที่ท่านตัดสินใจว่าจะเป็นองค์กรของฝ่ายประชาธิปไตย หรือจะเป็นอุปสรรคในการดำเนินการของพรรคการเมืองต่างๆ