“พุทธศาสนา” กับ “แอ๊ด คาราบาว” ทำไมถึงมาเปิดเพจ “ธรรมะจูงควาย”

เพจ “ธรรมะจูงควาย” พุทธศาสนากับแอ๊ด คาราบาว

“พอดีอายุก็มากแล้ว ไม่มีอะไรทำแล้ว สิ่งเดียวที่ยังอยากจะรู้ และยังไม่เคยรู้เลยคือเรื่องของธรรมะ เรื่องของพระพุทธศาสนา”

นี่คือเหตุผลที่แอ๊ด คาราบาว-ยืนยง โอภากุล เผยให้ฟัง เมื่อการสนทนาพาไปถึงเรื่องเพจธรรมะจูงควาย ที่เขาเปิดขึ้น เพื่อสนทนาธรรมกับบุคคลที่สนใจในเรื่องเดียวกัน

เรื่องของธรรมะ

บอกด้วยว่า อันที่จริงเขาอยากจะศึกษาเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้ามานานแล้ว และที่ผ่านมาก็ทำตามความตั้งใจที่ว่า เพียงแต่เริ่มมาจริงๆ ก็ในช่วง 2-3 ปีมานี้

อดีตเด็กวัดยังว่า ก่อนหน้านั้นตอนที่ยังอายุน้อย ทั้งยังมีโอกาสได้ใกล้ชิด มีโอกาสได้ศึกษา แต่ว่าไม่ได้สนใจ

“แต่พอมาตอนนี้ก็พบว่าเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ที่นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตในช่วงนี้ได้ดี ถึงกับเปิดเพจของตัวเองขึ้นมา”

อย่างไรก็ตาม เขาออกตัวว่า เพจดังกล่าวไม่ได้ทำขึ้น “เพื่อสอน” แต่เพื่อเป็นช่องทางในการแลกเปลี่ยนความเห็นกับเพื่อนๆ และแฟนคลับที่มีแนวคิดและสนใจในเรื่องเดียวกัน

การที่หลายคนพูดว่าคนที่เข้าหาธรรมะ มักมีเหตุจากความทุกข์ หรือชีวิตประสบปัญหาหนักหนา แต่แอ๊ดว่านั่นไม่ใช่ในกรณีของเขา

“ผมสนใจว่า เอ๊ะ! ทำไมพระพุทธศาสนาถึงดำรงคงอยู่มาถึง 2,000 กว่าปี โดยที่เราเองเป็นชาวพุทธแท้ๆ ในใบสำมะโนครัวก็บอกว่าเป็นพุทธ แต่ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้จักเลย บางครั้งยังถามตัวเองด้วยว่า พระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่า แล้วที่สอนๆ กันอยู่มันยังไง พระไตรปิฎกนี่สงสัยจะคิดกันมาใหม่” เขาเล่าความคิดในอดีตแล้วก็ยิ้ม

แล้วว่า ผลจากการศึกษาจึงทำให้ได้รู้ “ว่าสิ่งที่เราเคยคิดน่ะเข้าใจผิดหมดเลย”

“แล้วจริงๆ พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นสำหรับคนแก่มากเท่ากับจำเป็นสำหรับเด็ก เด็กนี่แหละควรจะรู้ เพราะมันช่วยทำให้เราหูตาสว่างขึ้น ช่วยในวัยเรียน เด็กที่กำลังศึกษาช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กำลังจะสอบไล่ สอบเอ็นทรานซ์อะไรพวกนี้ ถ้าน้องๆ มีพระพุทธศาสนาอยู่ในใจ น้องจะมีวิธีคิด จะเรียนเก่ง”

“เพราะพระพุทธศาสนานี่ครอบคลุมมาก ครอบคลุมไปทุกเรื่องเลยกับเรื่องชีวิต เรื่องการศึกษา เรื่องการเล่าเรียน เพราะพระพุทธศาสนาจริงๆ เน้นที่ปัญญา พฤติกรรม และจิตใจ ซึ่งครบหมดแล้ว ชีวิตมนุษย์มีอยู่แค่นี้”

สําหรับตัวเอง นักร้องคนดังบอกว่า หลังจากศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง เขาพบว่าตัวเองมีความเปลี่ยนแปลง

“นิ่งขึ้น”

“อย่างนั่งสมาธิก็นั่งได้ เมื่อก่อนไม่รู้ว่าทำไมต้องนั่ง นึกว่านั่งไปเพื่อที่จะเห็นอดีตชาติ แต่ไม่ใช่เลย นั่งเพื่อสงบจิตใจตัวเอง เวลาทำอะไรได้หายใจตามที่เขาเรียกอานาปานสติ หายใจเข้า หายใจออกควบคุมหัวใจให้อยู่กับตัวเรา ให้อยู่กับสติ ก็จะรู้สึกดีขึ้น เวลาโกรธ เวลาอะไรขึ้นมา”

ทุกวันนี้นอกจาก “นิ่งขึ้น” ดังว่า เขาจึง “ใจเย็นขึ้น เข้าใจโลกมากขึ้น เข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น” ด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น “ธรรมะยังทำให้เราแข็งแรงขึ้น”

“แข็งแรงในที่นี้คือทำให้จิตใจเราเข้มแข็งขึ้น เมื่อก่อนถ้าเราไม่มีธรรมะ จิตใจเราจะฟุ้งซ่าน เวลามีปัญหาจะคิดไม่ตก จะเครียด จะคิดวนอยู่อย่างนั้น แต่วันนี้เรารู้จักธรรมะแล้ว เรารู้เลยว่าอะไรควรปล่อยวาง อะไรควรจะแก้ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในใจเรา พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าทุกข์”

และหนทางดับทุกข์ก็มีสอนอยู่ในธรรมะของพระองค์

ในส่วนของงานดนตรี ธรรมะก็ช่วยนักร้อง-นักดนตรีคนดังได้เหมือนกัน

“เพราะพอเวลามีสมาธิ เวลาเล่นดนตรีก็จะรู้ว่ากำลังเล่น ไม่สนใจเรื่องอื่น และเมื่อสนใจแต่เรื่องนั้น เราก็จะทำเรื่องนั้นได้ดีที่สุด”

ด้วยเหตุนี้จึงอดรู้สึกไม่ได้ว่า สังคมเราถ้านำเอาพระพุทธศาสนาเข้ามาใช้มากกว่านี้ จะมีประโยชน์อย่างยิ่ง

“แต่อย่างว่าแหละ คนยังไม่เข้าใจ”

“ถ้าคนรู้ และเริ่มปฏิบัติตน มีพฤติกรรมทางสังคมเป็นไปตามหลักเกณฑ์ธรรมะที่สอนไว้ ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะคุยกันง่าย แล้วก็จะเดินทางไปสู่จุดมุ่งหมายร่วมกันง่าย แต่ที่ผ่านมาเราไม่ได้เอาธรรมะมาใช้เลย เป็นคนพุทธ แต่ไม่ได้เอาพุทธมาใช้เลยน่ะ”

ซึ่งน่าเสียดายมากทีเดียว