วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์ / สู่ร่มกาสาวพัสตร์ มื้อเพลโยมแม่ ‘แทบว่าพุงกาง’

วางบิล / เรืองชัย ทรัพย์นิรันดร์  

 

สู่ร่มกาสาวพัสตร์

มื้อเพลโยมแม่ ‘แทบว่าพุงกาง’

 

ระหว่างสองสามวันการนัดหมายไปเทศน์โปรดโยมมารดาที่บ้าน พระปานใช้เวลานั้นศึกษาอย่างจริงจังว่าต้องปฏิบัติอย่างไรกับพระครูพรหม ซึ่งได้รับความรู้หลายเรื่องเพิ่มขึ้น เช่น ขั้นตอนของการเริ่มต้นเทศน์ ต้องให้โยมมารดาอาราธนาศีล แล้วรับศีลห้า

จากนั้นจึงให้โยมมารดาอาราธนาธรรม ซึ่งขั้นตอนนี้ เมื่อครั้งขึ้นธรรมาสน์เทศน์บ่ายวันนั้นในพระวิหารตามได้รับมอบหมาย อุบาสกเป็นผู้อาราธนาศีล อุบาสกอุบาสิกาที่มารับฟังเทศน์รับศีลห้า แล้วอุบาสกคนนั้นอาราธนาธรรม แล้วพระปานจึงเริ่มต้นเทศน์ตามคัมภีร์ใบลานจนจบลงด้วย “…เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้”

เมื่อถึงวันกำหนด พระปานไหว้วานให้ลุงชิดไปเรียกรถแท็กซี่ และร่วมเดินทางไปด้วย

ลุงชิดเป็นญาติห่างๆ ของท่านพระครูพรหมเจ้าคณะที่พระปานสังกัด มาอาศัยพักพิงเป็นครั้งคราว พระ-เณรในคณะนี้ได้ใช้สอยประจำทั้งการซื้ออาหารมื้อเที่ยงและกิจกรรมอื่น รวมทั้งไหว้วานให้บีบนวดยามบ่าย ซึ่งพระปานเคยใช้บริการเป็นหนเป็นที

ก่อนสิบโมง พระปานห่มคลุมจีวรเรียบร้อย พาดสังฆาฏิไว้บนไหล่ซ้าย ให้ลุงชิดถือตาลปัตร สวมรองเท้าแตะ ออกไปนั่งแท็กซี่หน้าวัด

เมื่อแท็กซี่ออกรถ ลุงชิดซักถามพูดคุยเรื่องโยมมารดาและพี่สาวของพระปานซึ่งลุงชิดรู้จักสนิทพอสมควร รวมถึงพี่น้องทางบ้านของพี่สาว สักพักหนึ่ง ทั้งลุงชิดกับพระปานหยุดพูดคุยเงียบเป็นปกติ

 

ระหว่างนั้นพระปานกลับคิดย้อนไปถึง -สานิตย์- พี่สาวและโยมส้มจีน มารดา พี่นิตย์กับแม่ส้มจีนแทบบอกได้ว่าอยู่ด้วยกันมานานกว่าลูกคนอื่น โดยเฉพาะชุดแรก พี่นิตย์เป็นพี่สาวคนโต ส่วนน้องสาวอีกคนหนึ่ง พระปานกับน้องชายไม่ค่อยได้อยู่กับแม่สักกี่มากน้อย

ยิ่งเมื่อนายใช้ บิดาพระปานแยกทางไปแล้ว แม่ส้มจีนมีสามีใหม่เป็นพ่อของลูกอีกสามคน ต่างระหกระเหินไปเช่าบ้านอยู่ที่นั่นที่นี่ ขณะพี่นิตย์เมื่อจบชั้น ม.6 เข้าทำงานสองสามแห่ง ไปเช่าบ้านตามลำพัง

เมื่อแม่ส้มจีนมีสามีใหม่ พระปานเรียนชั้นมัธยม ยังอยู่กับน้าเมือง เคยไปเยี่ยมแม่ส้มจีนที่นั่นที่นี่หลายครั้ง จำได้ว่า เมื่อยังเป็นเด็กเล็ก แม่ส้มจีนต่อสู้ชีวิตทำมาค้าขายประเภทเร่ไปเรื่อย ทั้งทำงานซักรีดเสื้อผ้าให้กับทหารอเมริกันก็เคย ในที่สุดเมื่อพี่สาวสานิตย์มาได้งานที่วิสาหกิจใหญ่แห่งหนึ่ง และทางบริษัทซื้อที่ดินผืนใหญ่ ปลูกบ้านในลักษณะจัดสรรให้กับพนักงานเช่าซื้อผ่อนส่ง เพื่อจะได้อาศัยไม่ไกลจากบริษัท

เมื่อนั้นแหละ แม่ส้มจีนกับน้องต่างบิดาจึงมาอยู่กับพี่นิตย์ซึ่งครองตนเป็นโสดดูแลแม่กับน้อง และบ้านหลังนี้เป็นที่พักพิงของน้องๆ เช่นพระปานเป็นครั้งเป็นคราว เช่นเมื่อครั้งก่อนบวชและก่อนเหตุการณ์ทางการเมือง 6 ตุลาคม 2519 พระปานมาอยู่กับพี่สาว ได้ใกล้ชิดกับแม่ส้มจีนกระทั่งวันบวช

บ้านที่บริษัทปลูกให้พนักงานเช่าซื้อบนที่ดินขนาด 50 ตารางวา เป็นบ้านไม้เดี่ยวสองชั้น หลายปีต่อมา พี่นิตย์เริ่มมีฐานะเงินเดือนสูงพอสมควรจึงกู้เงินบริษัทมาต่อเติมห้องชั้นล่างและห้องครัว ให้น้องที่เติบโตกับน้องสาวมีครอบครัวแต่ยังอยู่หัวพี่นิตย์ได้อยู่สบายขึ้น

ละแวกบ้านต่างรู้จักกันดี บ้านฝั่งตรงข้ามเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อ-แม่กับลูกที่ทำงานบริษัทเดียวกับพี่นิตย์และหลาน ต่างคุ้นเคยกับแม่ส้มจีน ชักชวนไปทำบุญทอดผ้าป่าทอดกฐินด้วยกันเป็นประจำ

เมื่อเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 พี่สาวคนที่สองหอบหนังสือของพระปานจำนวนหนึ่งไปฝากไว้ที่บ้านนี้ “เดี๋ยวทหารมาค้นจะได้ไม่มีหลักฐานถึงตัวแก” ทั้งพี่สาวคนที่สองและแม่ส้มจีนบอก ด้วยรู้ว่าพระปาน ณ เวลานั้นฝักใฝ่ในทางการเมือง ทั้งการแสดงความคิดเห็น มีเพื่อนเป็นนักการเมืองและไปร่วมชุมนุมกับเขาประจำ อาจเป็นที่เพ่งเล็งของรัฐบาลปฏิวัตินั้นด้วย

 

รถแท็กซี่เลี้ยวเข้าถนนซอยหมู่บ้านไม่ไกลจากถนนใหญ่นักตามที่พระปานบอก เพียงสองร้อยเมตรถึงหน้าบ้านพี่สาว แม่ส้มจีนมารอรับหน้าบ้านตามเวลาที่พระปานแจ้งไว้ว่าจะมาถึงประมาณไม่เกินสิบโมงเช้า

ลุงชิดจ่ายค่ารถตามที่ตกลงกันเรียบร้อย เมื่อลงจากรถ แม่ส้มจีนแต่งตัวเรียบร้อยด้วยผ้านุ่งที่พระปานซื้อให้ยิ้มแย้มยืนรอไหว้ แล้วนิมนต์ให้เข้าบ้าน ขึ้นไปบนชั้นสอง ปูอาสนะหน้าโต๊ะหมู่พระพุทธรูปเรียบร้อย

การมาเทศน์โปรดโยมแม่ส้มจีนไม่ได้เป็นพิธีรีตองนัก เพียงบอกโยมส้มจีนว่าจะมาเทศน์เท่านั้น โยมส้มจีนจัดสำรับมื้อเพลไว้เรียบร้อยเตรียมประเคน พระปานคุกเข่ากราบพระพุทธรูปตรงหน้า แล้วนั่งบนอาสนะ

นอกจากข้าวสวยร้อนๆ แม่ส้มจีนจัดอาหารโปรดให้พระลูกชายสามสี่อย่าง อย่างแรกคือต้มส้มปลาทู แม่ส้มจีนรู้ว่าพระลูกชายชอบต้มส้ม ไม่ว่าจะกับปลาอะไร แต่กับปลาทูดูจะดีกว่าปลาอื่น ประการแรก พระปานรับประทานกับข้าวมาตั้งแต่เด็ก คลุกปลาทูปิ้งย่าง หรือปลาทูทอดคลุกน้ำปลากับข้าวร้อนๆ ไม่แต่เพียงอร่อยเท่านั้น ยังราคาถูกและง่ายกับการปรุงรสของแม่ที่มีลูกหลายคน

จำได้ว่า ตึกแถวละแวกนั้นสร้างติดกับทางรถไฟสายคลองสาน-มหาชัย-แม่กลอง ตอนเช้ารถไฟจะบรรทุกปลาทูสดจากมหาชัยมาลงสถานีละแวกพระปานอาศัย แล้วมีจับกังหาบเข่งขนาดใหญ่สองข้าง มีปลาทูสดพูน เมื่อหาบเดินขย่มตามจังหวะปลาทูที่พูนบนนั้นจะตกหล่นบ้างตัวสองตัวสามตัวแล้วแต่จังหวะเดินเร็วขย่มไม้คานกระบอกไม้ไผ่ จนกว่าจะถึงโรงนึ่งปลาทูริมคลอง ปลาทูสดหล่นไปนับกิโลกรัมเหมือนกัน เป็นลาภปากของชาวบ้านละแวกนั้น

เติบโตขึ้นมาพอกินเผ็ดได้บ้าง ไม่มีใครไม่ชอบน้ำพริกกะปิกับปลาทูทอด หรือปิ้ง ย่าง บ้านที่พระปานอาศัยปรุงน้ำพริกกะปิสองสามวันทีหนึ่ง มีปลาทูและผักสดเป็นหลัก

ปลาทูเป็นปลาที่พี่สานิตย์ชอบเป็นพิเศษ ปลาทูสดปิ้งย่างแกะกินตั้งแต่หัวจรดหาง แกะเนื้อออกคลุกข้าวให้น้อง ตัวเองแทะหัวกับหางปลาทูเท่านั้น กินเกลี้ยงแทบไม่เหลือก้าง ส่วนพี่สาวคนที่สองกลับไม่ชอบปลาทู ด้วยเหตุที่เหม็นคาว แต่ไม่รังเกียจที่จะร่วมวง

 

พระปานชอบต้มส้มด้วยเหตุหากต้มส้มค้างคืน พระปานมีอาการเมาค้างมาแต่เมื่อคืน ได้น้ำแกงต้มส้มอุ่นร้อนราดข้าว หรือซดน้ำแกงระหว่างอาหารเช้า แทบว่าหายเมาค้าง วิเศษอย่าบอกใคร

อาหารอีกสองสามอย่าง มีผัดผักบุ้ง ไข่เจียว ตามด้วยน้ำปลาพริกขี้หนู กับพิเศษอีกอย่าง ราคาแพงกว่าปลาทู คือปลาจะละเม็ดทอดกรอบ นางส้มจีนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นพระลูกชายฉันอย่างเอร็ดอร่อย จนรวบช้อนส้อม แล้วรับประเคนของหวาน – ข้าวเหนียวมะม่วงอกร่อง เป็นมะม่วงจากละแวกฝั่งธนฯ  พร้อมมะม่วง น้ำปลาหวาน ที่พระปานเห็นเป็นไม่ได้ ต้องหยิบเข้าปากชิ้นสองชิ้นประจำ

มื้อนี้เป็นอีกมื้อหนึ่งที่พระปานฉันแบบที่เรียกว่า “พุงกาง” แทบลืมว่าเป็นพระ