งานวิจัยเตือนไม่อยากโลกร้อนขึ้น 1.5 องศา ยุโรปต้องเลิกขายรถยนต์พลังน้ำมันภายในปี 2030

วันที่ 20 กันยายน 2561 เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษรายงานว่า ศูนย์อวกาศเยอรมนีหรือดีแอลอาร์ ได้ออกรายงานวิเคราะห์ล่าสุดพบว่า อุตสาหกรรมยานยนต์มีส่วนสำคัญต่อการทำให้เกิดโลกร้อนที่จะเพิ่มอุณหภูมิโลกขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส ตามข้อตกลงปารีส ดังนั้น ยุโรปต้องหยุดจำหน่ายเชื้อเพลิงและรถยนต์พลังงานน้ำมันใหม่ก่อนปี 2030 ส่วนรถยนต์เครื่องยนต์ไฮบริดจะต้องหมดไปอย่างเร็วสุดภายในปี 2035

ศ.ฮอส์ท ฟรีดิช ผู้อำนวยการดีแอลอาร์ กล่าวว่า การปล่อยก๊าซจากรถยนต์แทบไม่เปลี่ยนแปลงในช่วงกว่าทศวรรษและอุตสาหกรรมจะผลาญงบประมาณคาร์บอนภายใน 5-10 ปี เว้นแต่จะเปลี่ยนแปลงยังฉับพลัน

“การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์จะขึ้นถึงจุดสูงสุดโดยเร็วที่สุด หากดูที่งบประมาณคาร์บอนลดลง สิ่งสำคัญที่ต้องผลักดันคือรถยนต์คาร์บอนต่ำออกสู่ตลาดให้เร็วที่สุด ยิ่งเร็วยิ่งดี” ศ.ฟรีดิช กล่าว

งานศึกษายังระบุ การประเมินขั้นสูงที่พบว่า มีโอกาสมากถึง 66% ที่โลกจะร้อนขึ้นอีก 1.5 องศาเซลเซียส รวมถึงยอดจำหน่ายรถยนต์พลังน้ำมันที่ลดลง หากเป็นไปตามแผน เครื่องยนต์สันดาปภายในคันสุดท้ายจะถูกขายในปี 2028 และรถยนต์พลังน้ำมันดีเซลและเบนซิินจะหายไปจากถนนในช่วงกลางปี 2040 โดยดูได้จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปไม่ว่าการเดิน การปั่นจักรยานและการใช้บริการขนส่งสาธารณะที่กลายเป็นสิ่งจำเป็น