The Ocean Waves รักครั้งหนึ่ง คิดถึงตลอดไป

นับแต่ความสำเร็จบนเวทีออสการ์เมื่อปี 2002 ของ Spirited Away และผลงานความสำเร็จก่อนหน้าอย่าง Princess Mononoke ซึ่งได้รับรางวัล Japan Academy Awards ครั้งที่ 21 การันตีคุณภาพงานสร้างให้สตูดิโอจิบลิเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

ตั้งแต่นั้นมาผลงานหลากเรื่องราวก็ไม่เคยทำให้คนดูผิดหวัง

ทั้งเรื่องราวแฟนตาซีสอนใจให้แง่คิด (Kiki”s Delivery Service, Spirited Away) ฟุ้งตลบอบอวลถวิลหาอดีต (Only Yesterday) หนักหน่วงเข้มข้นขั้นสะเทือนอารมณ์ (Grave of the Fireflies-หรือที่บ้านเรารู้จักกันดีในชื่อ “สุสานหิ่งห้อย”) รักสามเส้าสไตล์วัยรุ่น (The Ocean Waves) ความผูกพันกลมเกลียวในครอบครัว (My Neighbors the Yamadas) และการเติบโตของตัวละครเมื่อได้เผชิญผ่านพ้นช่วงเวลาหนึ่ง (Whisper of the Heart) เป็นอาทิ

หากแต่คราวนี้ผู้เขียนอยากหยิบยก “หนังรักสไตล์จิบลิ” ในแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นทางค่ายทำกันนักอย่าง The Ocean Waves มาเล่าสู่กันฟัง

(แต่เดิม The Ocean Waves สร้างขึ้นเพื่อเผยแพร่ทางโทรทัศน์เมื่อปี 1993 แต่ทางสตูดิโอเกิดเปลี่ยนใจ จึงผลิตในรูปแบบดีวีดีออกขายตามท้องตลาดแทน)

บนชานชาลาหน้าสถานีรถไฟ-ทาคุมองเห็นหญิงสาวฟากฝั่งตรงข้าม หญิงซึ่งไม่ใช่เด็กนักเรียนในชุดกระโปรงบานเหมือนเมื่อครั้งวันวาน

แต่หญิงคนดังกล่าวละม้ายคล้าย “มุโตะ” ที่เขาเคยรู้จัก ทาคุได้แต่ยืนจ้องและตะลึงงันว่าจะ “ใช่” อย่างที่เขาคิดไหม

และเมื่อรถไฟแล่นผ่าน เธอก็อันตรธานหายไปแล้ว

ไม่นานภาพความทรงจำคล้ายโมงยามตีกลับก็ได้ผุดพรายขึ้นมาเป็นเรื่องราวให้เขาหวนระลึก…

ครานั้นมุโตะ-เด็กสาวจากตัวเมืองได้ย้ายเข้ามาศึกษาต่อกลางเทอมยังต่างจังหวัด แน่นอนว่าเธอเป็นที่เสน่หาของหนุ่มๆ บ้านนอกในทันที ทว่ามุโตะกลับนิ่งเฉย ไม่ชอบสุงสิงกับใคร

เธอหมางเมินเกินกว่าที่จะฉีกยิ้มเข้าหาเพื่อนใหม่ เสน่ห์ที่เหมือนไม่มีเสน่ห์ของเธอ ทำให้ทาคุเฝ้ามองและแอบนึกอยู่ในใจมาตลอดว่า “เพื่อนนักเรียนใหม่” คนนี้เป็นคนอย่างไร

มุโตะเป็นคนสวย เรียนดี กีฬาเด่น แม้มิได้มีจริตสวยเลิศ เชิด หยิ่งตามแบบฉบับสาวสังคมเมืองสมัยใหม่

แต่ความเป็นคนเงียบขรึมจนเข้าไม่ติดและมิสามารถหยั่งรู้ถึงจิตใจของเธอนั้น ก็ทำให้เพื่อนนักเรียนหลายคน (โดยเฉพาะสาวๆ ด้วยกันเอง) หมั่นไส้และแอบคบคิดกันเป็นศัตรูกับเธอ

น่าแปลกก็ตรงที่คนเข้าคบหาจริงจังและอยากสานสัมพันธ์เป็นแฟนกับมุโตะกลับเป็น “มัตสึโนะ” ประธานนักเรียน-เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของทาคุที่พยายามก้อร่อก้อติกมาตั้งแต่ต้น

แต่มุโตะเองกลับปันความสนใจไปยังทาคุ-คนที่ได้แต่เฝ้ามองและไม่เคยพูดจากับเธอเลย

ย้อนกลับไปสมัยมัธยมต้นที่ทางโรงเรียนมีคำสั่งยกเลิกการไปทัศนศึกษา เนื่องจากผลคะแนนสอบวัดการศึกษาระดับโรงเรียนต่ำกว่ามาตรฐานของระดับโรงเรียนที่ประเทศกำหนดไว้

เรื่องดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับนักเรียนจำนวนมากในทันที และเมื่อกลุ่มนักเรียนรวมตัวกันไปประท้วงอาจารย์ที่ปรึกษา ทางคณาจารย์จึงลงมติให้นักศึกษาทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมและให้คนที่ไม่เห็นด้วยยกมือขึ้น

ปรากฏว่าคนที่ยกมือไม่เห็นด้วยกลับไม่มีนักเรียนคนใดกล้าแสดงจุดยืนชัดเจน จะมีก็แต่มัตสึโนะกับมุโตะเพียงสองคนเท่านั้นที่กล้ายกมือแสดงความไม่เห็นด้วย

มัตสึโนะแสดงจุดยืนชัดเจนในความเป็นผู้นำมาตลอดตั้งแต่มัธยมต้น (ในข้อแสดงความไม่เห็นด้วยของเขาระบุชัดถึงการยกเลิกทัศนศึกษาของคณาจารย์ว่า “นี่เป็นการมองเพียงด้านเดียว ในสิบหรือยี่สิบปีข้างหน้าสิ่งที่โรงเรียนทำผมก็ยังคิดว่าไม่ยุติธรรม” -ราวกับเขาต้องการจะบอกว่าที่นักศึกษาคะแนนไม่ถึงเกณฑ์กลับงดการไปทัศนศึกษา แต่ไม่โทษตัวอาจารย์ผู้สอนที่ก็มีส่วนผิดเหมือนกัน)

ผิดแผกกับทาคุที่แสดงความไม่พอใจในครั้งแรกด้วยเพราะอารมณ์โกรธ และกล้าๆ กลัวๆ ที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างหนักแน่น (แม้เขาจะเป็นหนึ่งในสองคนที่ยกมือ แต่ก็ละล้าละลังอยู่นานพอควร)

จุดนี้เองที่พอขึ้นชั้นมัธยมปลายมัตสึโนะได้เป็นประธานนักเรียนและเป็นเด็กหัวดี อนาคตไกล

แต่ทาคุก็ยังเป็นทาคุคนเดิมเสมอต้นเสมอปลายกับชีวิตที่ไม่ค่อยจะอินังขังขอบกับใครหรืออะไรมากนัก (โดยเฉพาะคะแนนสอบที่ได้อันดับรั้งท้ายของชั้นมาตลอด) จนมัตสึโนะเปรยๆ ในทีต่อว่าต่อขานว่า

“นายนี่มันหัวดื้อจริงๆ เลย เดี๋ยวจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องหรอก”

อาจเพราะเรื่องราวสมัยแรกเริ่มเป็นเพื่อนกันมาของทั้งสองที่มัตสึโนะนำมาเล่าให้มุโตะฟังนี้เอง เลยทำให้เธอคิดและรู้สึกว่าทาคุมีอะไรบางอย่างคล้ายๆ กัน ซึ่งในเวลาต่อมาที่ทางโรงเรียนมีการจัดทัศนศึกษาไปท่องเที่ยวฮาวาย จึงเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของสายสัมพันธ์บางๆ ที่สานต่อให้ทาคุและมุโตะได้สนิทสนมกันมากขึ้นหรือพูดให้ชัดลึกลงขั้นเลวร้ายก็น่าจะถือเป็น “จุดแยก” เริ่มต้นเล็กๆ ที่กำลังปริแตกในความสัมพันธ์รักสามเส้านี้

จุดเริ่มต้นดังกล่าวเกิดจากในวันมาเที่ยวฮาวาย-มุโตะมาขอยืมเงินทาคุเนื่องจากทำเงินหล่นหาย แรกๆ เขานึกแปลกใจว่าทำไมเธอต้องมายืมเงินเขา แต่พอมุโตะเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ฟังมาจากมัตสึโนะและมาเห็นด้วยตัวเองว่าทาคุเป็นคนขยันชอบทำงานพิเศษช่วงปิดเทอมเลยน่าจะมีเงินเก็บเยอะ

เบื้องต้นทาคุจึงพอเข้าใจถึงเหตุผลที่มา แต่ก็ยังมิวายติติงเรื่องการนำเงินติดตัวมาเยอะเกินพอดีของมุโตะ

“ครูบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้พกมาได้ไม่เกิน 200 เหรียญ” ทว่าคำตักเตือนดังกล่าวทำให้มุโตะฉุนเฉียวแสดงความไม่พอใจออกมา

“ก็ฉันไม่อยากทำตามกฎนี่นา เธอพูดอย่างกับเป็นอาจารย์…ไม่เห็นเหมือนกับที่ได้ยินมาจริงๆ ผิดหวังชะมัด!”

รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ในความเป็น “ตัวตน” ของมุโตะ (ที่ทำตัวชวนน่าหมันไส้อยู่บ่อยครั้ง) จึงค่อยๆ ถูกถ่ายทอดในลำดับถัดมาอย่างน่าเห็นใจ เมื่อมุโตะพาทาคุไปพบเห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิตของเธอในกรุงโตเกียว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวแตกร้าว, พ่อมีหญิงคนรักใหม่, ไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่ตัดสินใจ, เลิกคบกับแฟนหนุ่ม-สารพัดสารพันปัญหาต่างๆ นานาที่ประเดประดังโถมเข้ามาสู่ชีวิตจนเธอเองก็แทบตั้งรับไม่ทัน

เรื่องราวทั้งหมดราวกับภาพจิ๊กซอว์ระเกะระกะอยู่ในหัวของทาคุ แต่เมื่อประติดประต่อภาพครบเสร็จสมบูรณ์…จึงมีเพียงทาคุคนเดียวเท่านั้นที่รับรู้ “รอยแผลในหัวใจ” ของมุโตะอย่างปริ่มท้น

และมองเห็นภาพจิ๊กซอว์เป็นรูปของมุโตะที่กำลังยืนเศร้าเหงาอยู่เพียงลำพัง

เหตุการณ์ดังกล่าวเสมือนเป็นจุดเริ่มของความเห็นใจและเป็นดั่งจุดจบของการจากพรากในคราเดียวกัน เพราะเมื่อหลังกลับจากโตเกียวทั้งคู่ก็กลายเป็นที่ครหานินทาของเหล่าผองเพื่อน ที่ในช่วงวันหยุดยาวจูงมือกันไปเที่ยวและนอนค้างอ้างแรมกันถึงเมืองกรุง

เรื่องดังกล่าวทำให้มัตสึโนะถามความจริงจากปากมุโตะ ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือเธอสารภาพว่าไปกับทาคุและหลับนอนห้องเดียวกันจริง! พร้อมๆ กับที่เธอก็ถามเขากลับว่ามันเกี่ยวอะไรด้วยกับการที่เธอจะไปทำอะไรที่ไหนกับใคร!

ในที่สุดมัตสึโนะก็เผยความในใจออกมาว่า “รักมุโตะ” …เพียงเท่านี้ คำพูดทำร้ายจิตใจที่พลั้งด้วยอารมณ์โกรธขึงของมุโตะก็ทำให้มัตสึโนะถึงกับอึ้งและเสียใจจนผลการเรียนตกต่ำ

และเป็นเหตุให้ทาคุพลั้งมือตบมุโตะอย่างไม่ตั้งใจ

วันงานเลี้ยงรุ่น-แม้ทาคุกับมัตสึโนะจะกลับมาคืนดีเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่ต่างฝ่ายต่างก็รู้ดีว่าสายใยแห่งมิตรภาพความเป็น “เพื่อนสนิท” ได้จืดจางลงไปเยอะแล้วในความเป็นจริง

เพื่อนพ้องทุกคนที่มาร่วมงานต่างสนุกสนานเฮฮาและพูดพร่ำเรื่องราวต่างๆ สมัยเรียนร่วมกันอย่างสนุกปาก

ปาร์ตี้สังสรรค์คืนนี้ดูช่างครึกครื้นรื่นเริงบันเทิงรมย์ หากแต่มันคงจะดีกว่านี้ไม่น้อย หากในค่ำคืนนี้มีมุโตะมาร่วมอยู่ในงาน

ทาคุหวนระลึกถึงมุโตะอีกครั้ง หลังยืนมองไปยังไฟบนปราสาทโคจิซึ่งกำลังส่องแสงสว่างราวหิ่งห้อยนับพันบินตัดรัตติกาล

ภาพมุโตะแต่แรกเริ่มรู้จักจวบจนถึงวันจากพรากเวียนวนตัดสลับอยู่บนฟากฟ้า…

ใช่เขายังจดจำและคิดถึงเธอไม่เคยลืม

ฉากจบใน The Ocean Waves ประหนึ่งดังสัญลักษณ์ของ “การเริ่มต้นใหม่” สำหรับทุกสิ่ง เรื่องที่เคยเป็นอดีตก็คืออดีต เป็นความทรงจำครั้งวันวานที่เมื่อไหร่อยากนึกย้อนค่อยนำมาพูดถึง…

แต่ในวันนี้ ตอนนี้ บนชานชาลาหน้าสถานีรถไฟแห่งนี้ กำลังจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่หรืออาจเป็นครั้งสำคัญในชีวิตของทาคุเพื่อโอกาสในการแก้ตัวและทำตามเสียงเพรียกจากหัวใจ

เมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าขณะนี้ คือรักครั้งหนึ่งที่เขายังคงคิดถึงไม่เคยลืม…