คดีสะเทือนสังคมมะกัน ตร.หญิงยิงชายผิวสี บาดแผลเชื้อชาติร้าวลึก

แอมเบอร์ กายเกอร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ตกเป็นจำเลยในคดีฆาตกรรมโบแธม ฌอง นักธุรกิจหนุ่มผิวสีวัย 26 ปี

หลังกายเกอร์ก่อเหตุยิงฌอง ผู้ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ที่มีห้องอยู่ชั้นบนตรงกันกับห้องของกายเกอร์

โดยกายเกอร์ให้การว่าเป็นการเข้าห้องผิดและเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการปล้น

คดีดังกล่าวเป็นที่จับตามองในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากเป็นอีกครั้งที่ผู้ก่อเหตุเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว ที่ก่อเหตุกับเหยื่อผิวสี กรณีเดียวกันกับที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หลายครั้ง

โดยเฉพาะกรณี “เทรวอน มาร์ติน” ที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในเมืองออร์ลันโด รัฐฟลอริดา เมื่อปี 2012

รวมไปถึงกรณีของ “ไมเคิล บราวน์” หนุ่มผิวสีวัย 18 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวยิงเสียชีวิตในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี ในปี 2014

หลายกรณีก่อนหน้านี้กลายเป็นการประท้วงเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีที่รุนแรงและลุกลามกลายเป็นจลาจลสร้างความเสียหายทั่วประเทศมาแล้ว

แน่นอนว่ากระแสความไม่พอใจดังกล่าวเป็นผลมาจากความรู้สึกไม่ปลอดภัยของกลุ่มคนผิวสี รวมไปถึงหลายกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจรอดพ้นจากการถูกดำเนินคดี

 

สําหรับคดีล่าสุด ข้อเท็จจริงยังคงเป็นปริศนา

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลที่เปิดเผยออกมาจากบันทึกคำให้การในฝั่งของ “กายเกอร์” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงหน่วยสืบสวนสำนักงานตำรวจเมืองดัลลัส ที่ระบุว่า ตนเพิ่งออกเวรที่กินระยะเวลา 15 ชั่วโมงเมื่อวันที่ 6 กันยายน กลับมายัง “เซาท์ไซด์แฟลต” ที่พัก

โดยขับรถไปจอดที่ชั้น 4 แทนที่จะเป็นชั้น 3 ที่ซึ่งเป็นชั้นที่พักอยู่

กายเกอร์เดินไปที่ห้องเสียบกุญแจ ซึ่งเธอระบุว่าประตูไม่ได้ล็อกและเปิดแง้มอยู่

หลังจากนั้น เมื่อเปิดเข้าไปในห้องพบว่าไฟไม่ได้เปิดอยู่ กายเกอร์มองเห็นเงาคนอยู่ในห้องและคิดว่าถูกปล้น

กายเกอร์ส่งเสียงเตือนไปยังเงาปริศนา แต่เงาดังกล่าวไม่ได้สนใจกับเสียงเตือน จึงเปิดฉากยิงไปที่เงานั้นจำนวน 2 นัด

หลังจากนั้น กายเกอร์โทร.แจ้งเหตุกับ 911

และเมื่อถูกถามถึงสถานที่เกิดเหตุ กายเกอร์ได้เดินไปที่ประตูห้องและพบว่าห้องนั้นไม่ใช่ห้องของตนเอง

 

รายงานจากเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ระบุว่า ฌองเสียชีวิตจากการถูกยิงที่หน้าอก ด้านกายเกอร์ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมาก่อนจะได้รับการประกันตัว

แน่นอนว่าทนายความของฝ่ายผู้เสียชีวิตและครอบครัวมีความเห็นโต้แย้งกับบันทึกคำให้การดังกล่าว พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าทำไมกายเกอร์จึงตอบสนองกับเหตุดังกล่าวด้วยเวลาอันรวดเร็ว

เบนจามิน ครัมป์ และลี เมอร์ริตต์ สองทนายความที่มีประสบการณ์ว่าความให้เทรวอน มาร์ติน และไมเคิล บราวน์ มาก่อนหน้านี้ยืนยันว่าคำให้การดังกล่าวขัดแย้งกับคำให้การของเพื่อนบ้านในอพาร์ตเมนต์เดียวกันในวันเกิดเหตุ

เมอร์ริตต์ระบุว่า พยานให้การว่า ได้ยินเสียงเคาะประตูก่อนที่จะมีการยิงกันเกิดขึ้น ขณะที่พยานอีกรายระบุว่าได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนว่า “ให้ฉันเข้าไป! ให้ฉันเข้าไป!” ก่อนจะได้ยินเสียงปืน

ขณะที่พยานอีกรายได้ยินเสียงผู้ชายพูดหลังจากเสียงปืนว่า “พระเจ้า! คุณทำทำไม?”

คำพูดซึ่งเมอร์ริตต์เชื่อว่าเป็นคำพูดสุดท้ายของหนุ่มนักธุรกิจผู้ทำงานในบริษัทตรวจสอบบัญชีชื่อดังอย่าง “ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส”

ข้อมูลจากฝั่งครอบครัวฌอง อดีตนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์ดิ้ง ระบุด้วยว่า ฌองเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน มักล็อกกุญแจห้องเสมอ และถึงขั้นมีพรมเช็ดเท้าหน้าประตูห้องที่เจาะจงเลือกมาเป็นสีแดงสดเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนเข้าห้องผิด

 

ด้านไมเคิล มาตา ประธานสหพันธ์ตำรวจดัลลัส ระบุว่ากายเกอร์เป็นตำรวจที่น่าเคารพ มีประสบการณ์สูง โดยเฉพาะในวันเกิดเหตุ หน่วยของกายเกอร์ก็มีผลงานในการจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุปล้นด้วยหลายราย

ข่าวคราวเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเริ่มก่อให้เกิดการรวมตัวประท้วงขึ้นแล้วที่สำนักงานตำรวจในเมืองดัลลัสเมื่อวันที่ 10 กันยายน แต่เจ้าหน้าที่ยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้

คดีดังกล่าวจะต้องใช้เวลาอีกระยะเพื่อให้ข้อเท็จจริงถูกเปิดเผยออกมา

และคงต้องจับตามองว่าบาดแผลความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติจะลุกลามขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่