เพ้อเจ้อกรณี”ปปง.-คตช.” : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร #ปปง. #คตช. # เลขาธิการปปง.

เลขาธิการปปง.

#สถานีคิดเลขที่ 12 # สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร0

————————

เพ้อเจ้อกรณี “ปปง.-คตช.”

————————

พยายามมองในแง่ดี

การใช้อำนาจ ตามมาตรา 44

ให้ พล.ต.ต.รมย์สิทธิ์ วีริยาสรร พ้นจากตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ไปดํารงตําแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี

และการ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ใหม่ นั้น

คงเป็นความพยายาม ของ รัฐบาล และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คมช.) จะปรับปรุงงานด้านการปราบปรามการทุจริต ให้ดียิ่งขึ้น

ซึ่งก็ไม่ขัดข้อง และเชียร์ให้ทำเสียด้วยซ้ำ

แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะพยายามมองในแง่ดีอย่างไรก็ตาม

สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เลขาธิการปปง. และ คตช. ก็มีอะไรแปลกๆ หรือมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่รัฐบาลไม่ยอมบอกกับประชาชน ซุกเอาไว้เบื้องหลัง

มุมมองในแง่ดี เลยลดลง

กลายเป็น มุมมองที่พิศวงงงงวยขึ้นมาแทน

อย่าง เลขาธิการปปง.นั้น ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ย่อมต้องผ่านขั้นตอนตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว เพราะตำแหน่งนี้ สำคัญ สามารถชี้เป็นชี้ตายใครได้โดยง่าย

แต่ปรากฏว่า ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถึง 2 เดือน ต้องเจออำนาจสูงสุดของคณะรัฐประหาร คือ มาตรา 44 ย้ายหรือความจริงก็คือการปลดออกจากตำแหน่ง อย่างกระทันหัน

ต้องมีเหตุผล ที่ใหญ่จริงๆ

แต่ก็ไม่มีคำอธิบายใดๆ

ต้องคอยไปเงี่ยหูฟัง หรืออ่านความระหว่างบรรทัด จาก “รายงานข่าวต่างๆ”

ซึ่งไม่กระจ่าง และยัง ทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า ที่มองในแง่ดีข้างต้น ว่า การย้ายเลขาฯปปป.เป็นการปรับปรุงงานให้ดีขึ้น จริงหรือเปล่า

เพราะ ความระหว่างบรรทัด ที่ปรากฏในสื่อมวลชน ต่างออกไปในทางที่ มีความพยายามที่จะให้ เลขาฯปปง. ดำเนินการอะไรบางอย่าง กับ บางคน บางกลุ่ม

แต่ไม่มีการตอบสนองเท่าที่ควร

ซึ่งก็ไปบังเอิญ กับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ ว่า ในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น จะมีคดีความบางอย่างเกิดขึ้นกับ บางคน บางฝ่าย และ ปปง. จะมีบทบาทสำคัญในการยึดอายัดทรัพย์ไว้ก่อน

ประหนึ่งเป็นการ ตัดท่อน้ำเลี้ยง

กระแสข่าว นี้ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะๆ

ตอนแรกก็เหมือนปล่อยออกมา ขู่

แต่พอมีการ ย้ายเลขาฯปปง. ขึ้นมาแบบ “ฟ้าผ่า”

มันก็อดคิด “เพ้อเจ้อ” ไปไม่ได้ว่าหรือข่าวที่ลอยลมมา จะมีเค้าเป็นความจริง

ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่ดี ต่อปปง. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ไม่ดีต่อ รัฐบาล ไม่ดี ต่อ คสช. เพราะจะถูกมองว่า เข้าไปแทรกแซงการทางานขององค์กรอิสระ

และใช้ องค์กรที่มีฤทธิ์เดชทางการเงิน เป็นเครื่องมือ ทางการเมือง

ซึ่งอันตรายยิ่ง

เช่นเดียวกับ คตช. ซึ่งที่ผ่านมา ถูกโจมตีว่า ไร้การประชุม ไร้ผลงาน ในการปราบปรามการทุจริต

จำเป็นต้อง ขัดสีฉวีวรรณมัน ใหม่ ด้วยการเอา คนที่มี ประวัติสีเทาๆออกไปจากกรรมการ เพื่อ ทำให้ ภาพพจน์กลับมาดูดี

แล้ว เกิด “ขยัน” ขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน ด้วยการลุยล้างทุจริต รับลูกกันไปมากับ ปปง. เป็นปี่เป็นขลุ่ย

ซึ่งหากทำโดย “เสมอหน้า”กัน ก็ไม่มีปัญหา

แต่กลัว ขยันกับบางคนบางฝ่าย

โดยมี บรรทัดสุดท้าย อยู่ที่ “ผลการเลือกตั้ง” ที่จะต้องชนะ สถานเดียว

อย่างนั้น ก็น่าเป็นห่วง

แม้ว่า ตอนนี้ จะอยู่ในขั้นวิตกจริต เพ้อเจ้อ ไปเอง

แต่ ก็มีสัญญาณหลายอย่างเตือนว่า “วิตกจริต เพ้อเจ้อ”กันให้มากๆ

เพราะอย่างน้อย ก็เป็นการ ตีปลาหน้าไซ บอกไปยังพวกที่ปากบอกว่าปฏิรูป แต่วิธีการเพื่อรักษาอำนาจ นั้น

ดึกดำบรรพ์ เหลือหลาย!

——————–