การเสียสละของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ด้วยการถอนตัวจากการเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.)
ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งต่อการเมืองไทย
เพราะได้ก่อเกิด “แคนดิเดต” นายกรัฐมนตรีเพิ่มอีก 1 คน
นอกเหนือจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นอกเหนือไปจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
หากศึกษาคำกล่าวของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ที่ว่า
“เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พญาครุฑอีก 1 ตน ผู้เป็นคนเก่ง คนดี คนกล้า ผู้ช่ำชองการบริหารราชการแผ่นดินอย่างยิ่งได้โผบินเข้าสู่เวทีการเมือง มีสังกัด มีกำลังหนุน แล้วคนอย่าง “หม่อมเต่า” นั้นเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในทุกแบบ ทุกสถานการณ์ ครบเครื่อง”
ทำไมจึงเปรียบ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล เป็นเหมือนกับ “พญาครุฑ”
นี่ย่อมไม่ธรรมดา

ที่น่าสนใจ บุคคลทั้ง 3 ข้างต้น เชื่อว่าจะมีบทบาทที่ส่งผลสะเทือนต่อพรรคเพื่อไทย
ที่ขับเคลื่อนตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560
ซึ่งออกแบบมาเพื่อสกัดพรรคเพื่อไทย
โดยเฉพาะตามยุทธศาสตร์ของการรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
เพื่อมิให้ “เสียของ” เหมือนกับรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
พรรคเพื่อไทยจึงมีโอกาสต่อสู้เพื่อที่จะเป็นฝ่ายค้านเท่านั้น
ไม่อาจประกาศเป็น รัฐบาลต่อไป ได้อย่างพล.อ.ประยุทธ์
หรือ”เราได้เป็นรัฐบาลแน่นอน” อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รวมถึงความฝันของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่หวังจะฉวยโอกาสจากความขัดแย้ง ได้ส้มหล่น เป็นนายกฯอีกครั้ง
ซึ่งต่างจากพรรคเพื่อไทย ที่คงไม่มีโอกาสเช่นนั้น
ต้องอย่าง ลืม คำกล่าว”อันปริศนา” ของ ม.ร.ว.จัตุมงคลในวันที่ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรครปช.
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้ง จะมีโอกาสร่วมงานกันหรือไม่
“ถึงตอนนั้นจะยังมีพรรคเพื่อไทยหรือเปล่าก็ไม่รู้”
คือ คำกล่าวของหม่อมเต่า ที่อาจได้มุมมองพิเศษ แบบ “พญาครุฑ อาย วิว”
อันสะท้อนว่า ใน”สงคราม”การเมืองนี้
อนาคตของ เพื่อไทย มีความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง

นาทีนี้บทบาท ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล จึงน่าจับตา
แม้ในอีกด้าน จะถูกมองว่าเป็นแค่ “ร่างทรง”ของนายสุเทพ
หรือการที่มาถูกดิสเครดิต จาก ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือหม่อมเต่านา บุตรีที่มาประกาศศึก”สงคราม”เต่า”กับบิดา
ว่า “โดยส่วนตัวแล้วเราเชื่อว่า…คนที่เลือกที่จะร่วมงานกับคนที่พิสูจน์ตัวเองมาอย่างนับไม่ถ้วนว่าเป็นคนไม่มีสัจจะ…คนคนนั้นก็…เป็นคนที่เราจะไม่มีทางให้ความไว้ใจและเชื่อในสัจจะของเขาเช่นกันค่ะ…ไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม”
เป็นการปฏิเสธ “บิดา”ในฐานะหัวหน้าพรรครปช.อย่างชัดเจน
แต่ จะหยุดรั้ง “พญาครุฑ”ไม่ให้โผนทะยานได้หรือไม่
นั่นคือคำถาม
——————–