สร้างความคึกคักและจุดพลุให้ “ทีวีดิจิตอล” ร้อนระอุขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง สำหรับกระแสแรงเว่อร์ของ “คุณอุบล” แห่ง “พิษสวาท” ที่ได้นักแสดงมากฝีมือ “วรนุช ภิรมย์ภักดิ์” มาสวมบท และถูกกล่าวขานถึงอย่างมากมายตั้งแต่ชาวบ้านร้านตลาดไปจนยันสาวออฟฟิศกลางกรุง ซึ่งเพิ่งจะรูดม่านอวสานลาจอไป

ขณะเดียวกันก็มีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ ช่อง One มีเรตติ้งพุ่งชนิดมาแรงแซงโค้งท้าย โดยที่ “พิษสวาท” เก็บเรตติ้งตอนจบ ทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่สูงสุดถึง 7.33 และส่งให้ช่อง One ติดท็อป 4 ชั่วข้ามเดือน แซงคู่แข่ง ช่องโมโน 29 และช่อง 8 ไปอย่างสนุก

ล่าสุด ตัวเลขเรตติ้งประจำเดือนเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากการรายงานของบริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า 10 อันดับแรก ประกอบด้วย วิก 7 สี ยังมีเรตติ้งเป็นอันดับ 1 ด้วยตัวเลข 2.905 ตามด้วย ช่อง 3 มีเรตติ้ง 2.128 และตามมาติดๆ เวิร์คพอยท์ 1.125, ช่อง One จากค่ายแกรมมี่ 0.771, โมโน 0.769, ช่อง 8 ค่ายอาร์เอส ที่มีตัวเลขเรตติ้ง 0.644, ช่อง 3 เอสดี 0.337, ไทยรัฐทีวี 0.309, ช่อง 9 เรตติ้ง 0.278 และทรูโฟร์ยู 0.255

แม้ตัวเลขเรตติ้ง 5 อันดับแรก จะไม่มีการเปลี่ยนแแปลงและยังเป็นการเกาะกลุ่มกันของ 5 ช่องใหญ่มาตั้งแต่ทีวีดิจิตอลเริ่มออนแอร์ เมื่อกว่า 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในแง่ของการแข่งขันทุกค่ายยังต้องออกแรงผ่านการปรับเปลี่ยนผังรายการที่มีความเข้มข้นและดุเดือดมากขึ้น

เพื่อแย่งเม็ดเงินโฆษณาในช่วงไตรมาสสุดท้ายมาครอบครองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเก็บเรตติ้งตุนฐานคนดูไว้เป็นแต้มต่อสำหรับการแข่งขันในปีต่อไป

แน่นอนว่า สำหรับช่อง One ของแกรมมี่ ที่กำลังมาแรง เป้าหมายสำคัญนอกจากการรักษาเรตติ้งอันดับ 4 ที่ “คุณอุบล” สร้างไว้แล้ว ยังมีความท้าทายมากขึ้นในแง่ของการไต่อันดับที่สูงขึ้น

“เดียว วรตั้งตระกูล” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ผู้บริหารช่องวัน 31 บอกว่า “พิษสวาท ถือเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้ช่อง One มีเรตติ้งอันดับ 4 และเป้าหมายต่อไปคือ การมีเรตติ้งติด 1 ใน 3 ของทีวีดิจิตอล หรือมีเรตติ้งมากกว่า 1 ภายในต้นปี 2560”

ตอนนี้ช่องที่มีเรตติ้ง 5 อันดับ มีการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด อย่างไรก็ตาม แนวทางที่ช่อง One วางไว้ก็คือ การสร้างสล็อตเวลา 16.00-22.30 น. ให้แข็งแกร่ง เมื่อสล็อตเวลาไพรม์ไทม์แข็งแรงก็ทำให้เรตติ้งโตขึ้นแบบยกแผง เพราะเป็นเวลาที่สินค้าและมีเดียเอเยนซี่จะใช้งบฯ โฆษณาสูงสุด หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของงบฯ โฆษณาทีวี

โดยเดือนตุลาคมนี้ ช่อง One ได้เขย่าผังรายการใหม่ ด้วยการเติมสล็อตเวลา 20.00 น. ช่วงวันจันทร์-พฤหัสบดี เป็นช่วง “วันขำดี” ที่มีซิตคอม และวาไรตี้ ตลอด 4 วัน เพื่อตรึงให้คนอยู่กับช่องนานขึ้น พร้อมทั้งเสริมด้วยรายการกีฬา ทั้งมวยไทยเอ็กซ์สตรีม มวยราชดำเนิน และถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโรรอบคัดเลือก

จากการแข่งขันที่รุนแรง และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ ทำให้ช่องเก่า “เจ้าตลาด” เกิดอาการสั่นคลอนไม่น้อย ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ก็ไม่นิ่งนอนใจและมีความเคลื่อนไหวในการปรับผังรายการอย่างมีนัยยะสำคัญ

โดยในส่วนของฟากฝั่งช่อง 3 ได้ประกาศหั่นเวลาออกอากาศรายการข่าวระดับแม่เหล็ก “เรื่องเล่าเช้านี้” ในรอบ 13 ปี เหลือ 2 ชั่วโมง 45 นาที จาก 3 ชั่วโมง 30 นาที

โดยคีย์แมนของช่อง 3 “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” ยอมรับว่าหลังจาก “สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา” ยุติบทบาทในฐานะพิธีกรหลักลงเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาพรวมรายได้จากข่าวลดลง 30% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ขณะที่จำนวนผู้ชมก็ลดลงถึง 25% จากเดิม เท่ากับว่า รายได้โฆษณาก็ลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจนำรายการ “ผู้หญิงถึงผู้หญิง” โฉมใหม่เข้ามาเสริม

ไม่เพียงเท่านี้ ช่อง 3 ยังต้องเจอมรสุมใหญ่ เมื่อละครหลังข่าว ซึ่งเป็นรายได้หลักของช่อง หลายๆ เรื่อง ไม่โดนใจผู้ชมตามที่วาดหวัง

นี่คือ ที่มาที่ไปที่ ช่อง 3 ต้องเร่งปรับรูปแบบการนำเสนอใหม่ เพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น สิ่งที่ช่อง 3 ทำได้ คือ แก้เกมให้เร็วและรักษาฐานคนดูเก่าไว้ให้แน่น

“สุรินทร์” บอกว่า สิ่งที่ทำได้ขณะนี้ คือ ประคองโฆษณาของละครหลังข่าวให้เต็มตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมเพิ่มรายได้จากการพัฒนารายการข่าวและรายการวาไรตี้เข้ามาเสริม

“จากจำนวนช่องที่เพิ่มขึ้น ทำให้คนดูส่วนหนึ่งถูกแชร์ไปที่ช่องอื่นๆ ดังนั้น ช่อง 3 ต้องพัฒนาคอนเทนต์ให้แข็งแกร่ง แม้ละครจะเป็นจุดแข็งและคอนเทนต์แม่เหล็กของช่อง แต่เราไม่ประมาท” คีย์แมนช่อง 3 ย้ำ

ส่วนช่อง 7 ในฐานะแชมป์ ที่ผ่านมาได้ประกาศปรับผังก่อนใครเพื่อน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ด้วยการเติมแม็กเน็ตใหม่ๆ เพื่อเสริมรายการข่าวและละคร พร้อมปิดช่องว่างช่วงเวลา นอนไพรม์ไทม์ ด้วยการเติมเต็มวาไรตี้ 10 รายการใหม่ ทั้งเกมโชว์ ซิตคอม วาไรตี้มีสาระ รวมถึงวาไรตี้ไลฟ์สไตล์ในรูปแบบใหม่ๆ โดยเริ่มลงจอตั้งแต่ในช่วงเวลา 09.30 น. เป็นต้นไป จนถึงช่วงดึกหลังเที่ยงคืน ตั้งแต่วันจันทร์-วันอาทิตย์ เช่น รายการสับขาหลอก, ศึกร่วมชายคา Funny Family”s Show วาไรตี้ทอล์คโชว์, ครอบครัวเงินล้าน เป็นต้น

เพิ่มสีสันและให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ชมเพิ่มขึ้น

ด้านผู้ท้าชิงรายใหม่ “เวิร์คพอยท์” ที่แม้จะมีเรตติ้งติดอันดับ 3 แต่ก็ไม่นิ่งนอนใจ แม้จะไม่ได้ปรับผังรายการใหญ่ๆ แต่ก็เติม 7รายการใหม่ เช่น Let Me In Thailand 2, The Mark Singer หน้ากากนักร้อง เกมจารชน เป็นต้น เพื่อเก็บกวาดเรตติ้งมาตุนในมือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ชลากรณ์ ปัญญาโฉม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานดิจิตอลทีวี บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การแข่งขันที่เกิดขึ้น คือ ช่องที่มีเรตติ้ง 6 อันดับแรก ก็พยายามใส่รายการใหม่ต่อเนื่อง เพื่อรักษาเรตติ้ง ปัจจุบันเรตติ้งของเวิร์คพอยท์นิ่งขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 1.23 ต่อวัน ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อเนื่อง คือ ถ้าเรตติ้งรายการไหนตก ก็จะแก้ไขเป็นบางรายการไป รักษาระดับเรตติ้ง

ส่วนช่องโมโน 29 ก็เดินตามแผน ตอกย้ำโพซิชันนิ่ง “หนังดี ซีรี่ส์ดัง” ด้วยการขนหนังใหม่มาเอาใจกลุ่มคนเมือง เสริมทัพด้วยรายการกีฬา การถ่ายทอดสดบาสเกตบอล และมวย อีกทั้งเพิ่มซีรี่ส์ไทยเข้ามาช่วยเสริมกำลังอีกแรง หวังเรียกกระแส ตรึงคนดูต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับช่อง 8 ที่ “เฮียฮ้อ” “สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เตรียมจะเปลี่ยนรายการบางส่วน ในช่วงไตรมาสที่ 4 นี้ ด้วยการนำรายการใหม่เข้ามาแทนรายการเก่าปลายเดือนตุลาคมนี้ แต่เป็นการปรับผังย่อยๆ ไม่ได้เปลี่ยนเวลาเพราะลงตัวแล้ว เปลี่ยนเฉพาะรายการบางส่วนให้ตรงกับความสนใจผู้ชม และวางโพซิชันนิ่ง ช่อง 8 ไว้ชัดเจนว่า กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และนำเสนอคอนเทนต์อะไร ภายใต้แนวคิด “ช่อง 8 ทีวีของทุกคน”

“วันนี้การเปลี่ยนผังใหญ่ของช่อง 8 ไม่มีแล้ว แต่เป็นการเปลี่ยนรายการใหม่แทนที่รายการเก่า เพราะตลาดเปลี่ยนเร็ว คนดูไม่มีรอยัลตี้ ถ้ารายการไม่แข็งแรง ไม่ตรึงคนดู ก็ต้องเปลี่ยนหรือแก้ไขให้เร็ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่ทันกับสิ่งที่เกิดขึ้น” เฮียฮ้อ ย้ำ

นาทีนี้ ใครจะแพ้ ใครจะชนะ อาจจะวัดกันที่เรตติ้ง แต่เรตติ้งที่เห็นยังไม่ใช่ผลลัพธ์ในแง่ของธุรกิจ

ทุกค่ายยังจะต้องออกแรงกันอีกหลายยก ต้องใส่เงินลงทุนอีกมหาศาล เกมๆ นี้ จึงต้องดูกันยาวๆ