อุรุดา โควินท์ / ความทรงจำ : ยายอยู่ในผักเสี้ยว

ลูกชายของปลาเป็นหนุ่มแล้ว ตอนพบกันครั้งสุดท้าย เขาเป็นเด็กชายร่างผอมบาง กี่ปีแล้วนะ ก็…นานพอที่เขาจะกลายเป็นชายหนุ่มผู้กำลังยืนตรงหน้าฉัน

ฉันกับปลาโตมาด้วยกัน ฉันไม่เคยถามอายุของเธอ รู้แต่ว่า เธอคือผู้ช่วยคู่ใจยาย เด็กสาวผู้ทำได้ทุกอย่าง จ่ายตลาด ทำขนม ทำอาหาร ปลูก, ปีนต้นไม้ เย็บผ้า ทำงานบ้าน

ตากับยายคงไม่ได้บ้านอย่างที่เห็น หากไม่มีเธอ

จริงอยู่-เราจ้างใครก็ได้ แต่ระหว่างเรากับเธอ ไม่ใช่นายจ้างกับลูกจ้าง

เธอคือคนในครอบครัว กระทั่งเธอออกเรือนไปสร้างครอบครัวของเธอเอง

นานๆ ครั้งเธอแวะมาเยี่ยมแม่ เอาผักผลไม้มาให้

เธอปลูกผักกินเอง เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ขณะฉันซื้อทุกอย่างจากตลาด (แม้แต่ยอดกระถิน)

ในบรรดาพวกเราทั้งหมด ปลาเป็นคนเดียวที่มีความมั่นคงทางอาหาร

เธอเป็นหญิงร่างเล็ก แกร่ง มั่นใจในตัวเอง และทำงานอย่างรื่นรมย์ ไม่ว่าการงานชนิดใด เธอทำไปร้องเพลงไป ดูสนุกราวกับเป็นการละเล่น

วันนี้เธอโรยราไปมาก แต่ฉันยังเห็นความเข้มแข็ง ความเชื่อมั่นในดวงตา “เอาผักให้พี่สิ” เธอบอกลูกชาย

เขาส่งถุงใหญ่ยักษ์ให้ฉันพร้อมรอยยิ้ม ในถุงใหญ่มีถุงเล็กหลายถุง ใส่ผักแต่ละอย่างแยกกัน ฉันหยิบผักเสี้ยว ก่อนส่งถุงคืนเขา “ที่เหลือให้ยายนะ พี่ขอถุงเดียว”

พูด-แล้วฉันก็อมยิ้ม มันตลกที่ฉันเป็นพี่ของเขา แต่นั่นล่ะ ปลากำหนดสรรพนามนี้ให้เราเอง

 

ฉันเทผักเสี้ยวลงตะกร้า มองมันอย่างรักใคร่ อยากกินมาหลายวันแล้ว เห็นในตลาด แต่ยอดไม่งาม ฉันเลยยั้งใจไว้ ต้องผักเสี้ยวแบบนี้สิ ที่คู่ควรกับการแกง

ตอนปลาเป็นสาวน้อย เธอชอบใส่กางเกงขาสั้น มันสั้นมาก ยายบ่นทุกวัน แต่เธอยังใส่อย่างกับเป็นยูนิฟอร์ม และยายก็ทำอะไรเธอไม่ได้ เพราะนอกจากเรียวขา ก็ไม่มีอะไรในตัวเธอที่ขัดใจยาย

ขาของเธอยาวและแข็งแรง มันดูยาวขึ้นอีก เมื่อเธอปีนต้นไม้ ส่วนฉันยืนมองจากโคนต้น ฉันอิจฉาเธอ เพราะนอกจากจะขาสั้น ต้นไม้ฉันก็ไม่กล้าปีน

ปลาบนต้นชงโคคือภาพจำ สำหรับฉัน เธอคือตำนาน คือวิถีชีวิตของตายายที่ดำเนินอยู่

ฉันไม่ได้ถาม เธอยังปีนต้นไม้ไหวมั้ย หรือเป็นลูกชายที่เก็บผักในตะกร้านี้ เอาเถอะ อย่างไรมันก็เป็นผักเสี้ยวที่มาจากเธอ ฉันจะแกงให้อร่อยที่สุด นัวถึงขีดสุด เพื่อระลึกถึงวัยเยาว์ของเรา

 

ถ้ามีคนถาม แกงเมืองอย่างไรให้อร่อย

เริ่มจากมีน้ำซุปดี -คือคำตอบของฉัน

แกงผักแบบทางเหนือ ปรุงรสน้อย เผ็ดนิด เค็มหน่อย หวานแทบจับไม่ติด ที่เหลือคือรสชาติของผัก แกงย่อมอร่อยขึ้นมาก ถ้าเราเคี่ยวซุปกระดูกสัก 40 นาที แล้วเอาซุปนั้นมาทำน้ำแกง

ฉันมีซุปกระดูกติดตู้เย็นเสมอ เคี่ยวจากข้อบ้าง เล้งบ้าง แล้วแต่จะเจอกระดูกชนิดใด ใส่น้ำให้ท่วม ตั้งไฟแรง พอเดือดก็ช้อนฟองทิ้ง เบาไฟอ่อน ทิ้งไว้ 30-40 นาที ปิดเตา แล้วรอให้เย็น แบ่งซุปใส่ถุงเก็บไว้หยิบมาใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง อร่อย สะดวก และรวดเร็ว

วันนี้ฉันเลือกซุปถุงเล็กสุด แกงผักต้องระวังน้ำ ส่วนผสมหลักคือผัก เมื่อสุกมันจะส่งน้ำออกมาร่วมหม้อ ถ้าน้ำมากไป แกงย่อมไม่น่ากิน อีกทั้งปรุงยาก

หงายครก หลับตาให้เห็นหน้ายาย…ลืมตา หย่อนพริกแห้งลงครก 5 เม็ด กระเทียมไทย 7 กลีบ หอมแดง 5 หัว และเกลือทะเลนิดหน่อย ฉันใส่หอมแดงเยอะ เพราะมันช่วยให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าอยากเผ็ดก็เพิ่มพริกได้ แต่ฉันไม่ต้องการให้ความเผ็ดกลบรสผักเสี้ยว

โธ่…ปลาเอามาให้ทั้งที ฉันต้องแกงแบบปลากับยายสิ

 

โขลกน้ำพริกละเอียดแล้ว ใส่กะปิลงไปหน่อย ใช้สากบดให้เข้ากัน ฉันเปิดเตาตั้งน้ำซุป รอน้ำแกงเดือด ค่อยใส่น้ำพริกลงไป บางครั้งยายใส่น้ำปลาร้าด้วย แต่ฉันไม่มี ให้กะปิฉายเดี่ยว หวังว่ามันจะพาแกงผักเฉิดฉายได้ดังใจ

ผักเสี้ยวต้องแกงกับปลาแห้งรมควัน หักเป็นชิ้นใหญ่ๆ ใส่ลงไปก่อน พอน้ำแกงเดือดอีกครั้ง ค่อยโกยผักลงหม้อ แรกที่ใส่ผัก เราจะไม่เห็นน้ำแกง ผักต้องมากขนาดนั้น ครั้นผักสุก ยุบลง เราได้น้ำแกงเพิ่ม ผักจะจมน้ำในที่สุด

ตอนนี้ล่ะ ฉันใส่เห็ดหูหนู ชะอมนิดหน่อย และมะเขือเทศลูกเล็กสักสี่ห้าลูก (ใส่แบบหั่นครึ่ง)

รอให้ผักทุกชนิดสุก เติมน้ำปลานิดหน่อย แล้วตักชิม ถ้ายังจืด ฉันจะเติมเกลือกับตัดน้ำตาล บางคนว่า แกงผักต้องมีผงชูรส ฉันไม่รังเกียจผงชูรส แต่ฉันทำอาหารวันละหลายจานโดยไร้ผงชูรส ครัวของฉันไม่มีผงปรุงรสชนิดใด ไม่มีกระทั่งซุปไก่ก้อน

แน่นอนที่สุด แกงผักวันนี้อร่อย มันจะอร่อยขึ้น ถ้ากินตอนที่เย็นลง ตักใส่ถ้วยรอ ให้ผักพูนขึ้นมาหน่อย จะได้หยิบกินกับข้าวเหนียวง่ายๆ

 

“กลับแล้วเน้อ” ปลาผลักประตูบ้านเข้ามาบอก

“กินแกงผักเสี้ยวก่อนมั้ย” ฉันบอก

เธอหัวเราะ “บ้านปลาก็แกงเมื่อเช้า ยังกินไม่หมดเลย”

“แต่มันอร่อยมากเลยนะ” ฉันตักแกงใส่ถ้วยเล็ก เดินเอาไปให้เธอชิม

ปลาตักแกงใส่ปาก เคี้ยวช้าๆ กลืน หยุดคิดชั่วอึดใจ ก่อนพยักหน้า “อืม เก่งล่ะนะเดี๋ยวนี้ แกงผักก็เป็น”

ขณะมองแผ่นหลังปลาห่างออกไป ฉันรู้สึก…ยายอยู่ในตัวเธอ ในชีวิตประจำวันของเธอ ในผักเสี้ยวของเธอ

รวมทั้งวิธีชิมแกงของเธอ