วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย / เสถียร จันทิมาธร

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย /เสถียร จันทิมาธร

 

ฤทธิ์ 1 คน 1 อินทรี (140)

 

ไม่เพียงแต่ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” จะต้องเผชิญหน้ากับ “รังปีศาจเขาประจิม” หากแต่ยังต้องเผชิญหน้ากับพี่น้องตระกูลซือแห่งหมู่ตึกหมื่นจตุบาทอันมี “เจ้าภูเขาหน้าผากขาว” เป็นผู้นำ

“ท่านเมื่อทราบว่าข้าพเจ้าเป็นชาวยุทธ์เจ้าอินทรี ไฉนไม่สนใจไยดีต่อคำพูดของข้าพเจ้า”

“ชาวยุทธ์เจ้าอินทรีแล้วจะเป็นไร ท่านมีความสามารถก็ตวาดห้ามสัตว์ร้ายของพวกเราเอง” เป็นคำตอบจากเจ้าภูเขาหน้าผากขาว

“พี่อินทรี พวกเราลงไป”

เอี้ยก่วยร้องชักชวน พลางโบกแขนเสื้อข้างขวา 1 คน 1 อินทรีพลิ้วละลิ่วลงจากต้นไม้ ฝูงสัตว์ไม่รอให้คนและทวิชาติตกถึงพื้น

ก็คำรามพลางกระโจนใส่

อินทรีกาง 2 ปีกออก โบกซ้ายป่ายขวาก่อเกิดกระแสลมอันรุนแรง สัตว์อย่างหมาป่าก็เผชิญกับพายุก็ถูกม้วนพัดกระเด็น ราชสีห์และพยัคฆ์ที่มีอยู่ 2 ตัวคำรามร้องก้อง เผ่นโผนโจนทะยานใส่ อินทรีกวาดปีกออกก่อเกิดพลังนับพันชั่ง

1 ราชสีห์ 1 พยัคฆ์ถูกกวาดกลิ้ง ตีลังกาไปทอดหนึ่ง จากนั้นอินทรีตีปีกซ้ายออกหวดถูกส่วนหัวเสือดาวระทวยล้มลงกับพื้น แน่นิ่งไม่ไหวติง

เหล่าสัตว์ล้วนไม่กล้าบุก หมอบอยู่ไกลๆ ร้องคำรามเบาๆ

 

เห็นเช่นนั้น, เจ้าภูผาหน้าผากขาวบังเกิดบันดาลโทสะ กระโดดปราดเข้าหาเอี้ยก่วยยกมือราวกรงเล็บพยัคฆ์ตะกุยเข้าใส่ทรวงอก

เอี้ยก่วยขยับไหล่ขวา แขนเสื้อหวดจากบนลงล่าง

เสียงเมื่อกระแทกถูกข้อมือ 2 ข้าง เจ้าภูผาหน้าผากขาวรู้สึกปวดแปลบรุนแรงคล้ายถูกมีดกรีดลึก ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ราชสีห์เกราะเขียวเดินช้าๆ ไปเบื้องหน้า ยกมือผลักดันออก

“ฝีมืออันยอดเยี่ยม”

เป็นเสียงชมเชยจากเอี้ยก่วย ยื่นมือซ้ายออกต้านใช้ออกด้วยพลังฝ่ามือ 3 ส่วน ราชสีห์เกราะเขียวส่ายร่างโงนเงนคราหนึ่ง

หาได้ถอยร่นไปไม่

“ระวัง” เอี้ยก่วยร้องเตือนพลางเร่งเร้าพลังฝ่ามือเพิ่มพลังอีก 2 ส่วน ราชสีห์เกราะเขียวรู้สึกเบื้องหน้าสายตามืดทะมื่น ทราบว่ามิอาจรักษาชีวิตได้

“ท่านไม่สบาย” เป็นความเห็นจากเอี้ยก่วย

พริบตานั้นพลังอันโถมทะลักไปดุจขุนเขาทลายพลันสาบสูญและสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราชสีห์เกราะเขียวรอดชีวิตจากห้วงแห่งความตาย ต้องบังเกิดภาวะแตกตื่นตะลึงลานมิอาจกล่าววาจาใดออกมาได้

จากนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของ 4 พี่น้องตระกูลซือ

 

ยามเห็นราชสีห์เกราะเขียวยืนตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเข้าใจว่าได้รับบาดเจ็บบอบช้ำสาหัส ยามร้อนรุ่มเดือดดาลพากันโถมเข้าใส่โดยพร้อมเพรียง

เอี้ยก่วยย่อร่างลงเล็กน้อย

ประจวบ 1 พยัคฆ์พุ่งกระโจนจากด้านข้าง เอี้ยก่วยจึงยื่นมือคว้าจับคอใช้พยัคฆ์ร้ายต่างอาวุธปัดป่ายกระบองเงินของจอมยุทธ์เสือดาวเผ่นโผน กับกระบองทองเหลืองของจอมยุทธ์เจ้าทรงพลัง และยื่นกรงเล็บพยัคฆ์ทั้ง 4 ข้างเจ้าจอมยุทธ์เจ้าภูผาหน้าผากขาว และจอมยุทธ์เซียนวานร 8 มือ

เท่ากับ 1 หาญสู้กับ 4 พร้อมๆ กัน

เมื่อ 10 กว่าปีก่อนตอนใช้กระบี่หนักเหล็กดำก็หนัก 70 กว่าชั่ง พยัคฆ์นี้แม้มีขนาดใหญ่แต่ก็หนักเพียง 100 กว่าชั่ง ขณะเอี้ยก่วยยกจึงคล้ายวัตถุไร้น้ำหนัก พยัคฆ์เมื่อถูกคว้าคอไว้ทั้งแตกตื่น ทั้งโกรธแค้น ไหนเลยยังจำแนกผู้เป็นนายได้

แยกเขี้ยวกางเล็บใส่พี่น้องตระกูลซือ เจ้าภูเขาหน้าผากขาวกับเซียนวานรแปดมือแม้คลุกคลีกับสัตว์ร้ายตลอดมา ยามนี้ยังวุ่นวายจนมือไม้ปั่นป่วนพัลวัน

ก๊วยเซียงที่ด้านข้างปรบมือโห่ร้องอย่างพอใจ

 

เอี้ยก่วยกวาดมองนางแวบหนึ่งครุ่นคิดขึ้น “โกวเนี้ยนี้มีความเป็นมาอย่างไร นางเมื่อหยอกล้อเล่นกับเสือดาวไฉนหัวเราะเยาะเย้ยเหล่าพี่น้องตระกูลซือ”

นี่ย่อมเป็นความแคลงใจเมื่อแรกเห็น

ราชสีห์เกราะเขียวโคจรพลังลมปราณพบว่าเลือดลมสะดวกปลอดโปร่ง ทราบว่าไม่ได้รับบาดเจ็บบอบช้ำ เป็น “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ละมือไว้ไมตรีละเว้นชีวิต

นี่ย่อมเป็นอีก “ตัวแปร” ก่อให้สถานการณ์พลิก