อาชญากรรม : ไฟใต้โชนอีก-บึ้ม 24 จุด ลงมือต้อนรับรอมฎอน แต่งหญิง-ลงมือคนเดียว ทหารโต้ปมหละหลวม

นับเป็นวาระแห่งชาติที่รอการแก้ไขมาตลอด

สำหรับเหตุการณ์การก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ที่เริ่มความรุนแรงระลอกหลัง ตั้งแต่เหตุการณ์บุกปล้นปืนจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 เมื่อปี 2547

แม้เหตุการณ์จะเบาบางลงในช่วงที่รัฐบาลแสดงความจริงใจในการเจรจาพูดคุยกับผู้ก่อเหตุ

เพื่อหาทางออกร่วมกันให้อยู่กันได้อย่างสันติ จนเกิดข้อตกลงในเรื่องลดการก่อเหตุในกลุ่มเป้าหมายอ่อนแอ

รวมทั้งการยุติการสร้างความไม่สงบในช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์ หรือช่วงเดือนรอมฎอนที่พี่น้องมุสลิมถือศีลอด

ซึ่งก็เป็นเช่นนี้มาตลอดหลายปี แต่เหตุการณ์ล่าสุดในการลงมือวางระเบิดและป่วนเมืองใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ถึง 24 จุด

แถมเป็นช่วงรอมฎอนเสียด้วย

กลายเป็นคำถามว่าการแก้ไขปัญหาภาคใต้มาถูกทางแล้วจริงหรือไม่

เพราะหากไม่ใช่ ก็ควรจะเริ่มทบทวน และหาแนวทางใหม่ในการแก้ปัญหา

ไม่เช่นนั้นคนที่ต้องรับกรรม ก็คือพี่น้องประชาชนนั่นเอง

ป่วนใต้อีกระลอก-บึ้ม 24 จุด

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 พฤษภาคม เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงรับแจ้งการวางระเบิดป่วนเมืองกินพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ถึง 24 จุด ประกอบด้วย จ.ปัตตานี 10 จุด 4 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง ในเขตเทศบาล 6 จุด

1.ตู้เอทีเอ็มธนาคารกสิกรไทย ถ.ยะรัง ต.อาเนาะรู 2.ตู้เอทีเอ็มธนาคาร ธ.ก.ส. ถ.ยะรัง ต.อาเนาะรู ซึ่งจุดนี้มีผู้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ น.ส.สมพิศ สกุลจิตร และ น.ส.สมจิต ศรีสมบัติ แต่ล่าสุดทั้งคู่อาการปลอดภัย 3.ตู้เอทีเอ็มธนาคารอิสลาม ตั้งอยู่หน้าศูนย์เศรษฐกิจและสังคม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สาขาปัตตานี ถ.พิพิธ ต.อาเนาะรู

4.ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้าวิทยาลัยเทคนิคปัตตานี ถ.หนองจิก ต.รูสะมิแล 5.ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ ถ.หนองจิก หน้าโรงแรมซีเอสปัตตานี และ 6.กู้ระเบิดแสวงเครื่องได้ที่ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน สาขาหนองจิก ต.รูสะมิแล หน้าโรงแรมซีเอสปัตตานี

ส่วนที่ จ.ยะลา คนร้ายก่อเหตุ 9 จุดใน 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.กาบัง เกิดเหตุระเบิดที่ตู้กดเงินสด ธนาคารกรุงไทย สามแยกบ้านมันนังดามา หมู่ 1 ต.กาบัง โดยคนร้ายเอาระเบิดใส่ในถังขยะที่ทิ้งใบเสร็จข้างตู้

อ.บันนังสตา 4 จุด ประกอบด้วย 1.วางระเบิดแสวงเครื่องหนัก 7 กิโลกรัม ที่เสาไฟฟ้า เส้นทาง 410 บ.ตะบิงตีงี ม.1 ต.ตลิ่งชัน แรงระเบิดทำให้เสาไฟฟ้าหักเอียง 1 ต้น ไม่มีผู้บาดเจ็บ 2.ข้างโรงแรมบันยังสตาอินทรฉัตร 3.ข้างบ้านพัก สภ.บันนังสตา และ 4.หน้าสำนักงานที่ดินบันนังสตา

อ.ธารโต 2 จุด 1.โรงจอดรถบ้านพักนิคมธารโต หลังฐานปฏิบัติการ นปพ.31 2.หลัง อบต.บ้านแหร ต.บ้านแหร อ.รามัน 1 จุด ที่เสาไฟฟ้าริมถนนโค้งแม่ชี (ยะลา-รามัน) บ.พงยือเระ ม.3 ต.กายูบอเกาะ อ.ยะหา 1 จุด ที่หน้าเซเว่นอีเลฟเว่น ถนนสายยะหา-กาบัง อ.เมือง 1 จุด เป็นระเบิดแสวงเครื่องผูกติดเสาไฟฟ้าริมถนน ต.บันนังสาเรง จนท.ยิงทำลายได้สำเร็จ

จ.นราธิวาส 3 จุด 1.วางระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยนาฬิกาดิจิตอล หน้าตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้าสำนักงานเทศบาล ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ 2.ตู้เอทีเอ็ม ธ.ก.ส สาขา อ.บาเจาะ ริมถนนใกล้ทางเข้าน้ำตกบาโจ 3.ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย ถ.เพชรเกษม อ.บาเจาะ

จ.สงขลา 2 จุด ประกอบด้วย 1.ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน ในปั๊ม ปตท. หมู่ 2 ต.สะกอม อ.เทพา และ 2.ตู้เอทีเอ็มธนาคารออมสิน หน้า อบต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย

รวม 4 จังหวัด 24 จุด รัฐชี้ลงมือรับรอมฎอน

พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ลักษณะการก่อเหตุของคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่อง น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยการตั้งเวลา หวังผลแค่สร้างความเสียหาย เพื่อก่อกวนในช่วงเดือนรอมฎอน

ยืนยันไม่ใช่ความหละหลวมของการข่าว เนื่องจากมีการตรวจเข้มและจับกุมก่อนหน้านี้แล้ว แต่คนร้ายอาศัยแต่งกายคล้ายสตรีชาวมุสลิม ดังจะเห็นได้จากกล้องวงจรปิดทั้งที่ปัตตานี ยะลา และสงขลา มีการคลุมฮิยาบปิดบังใบหน้า และสวมหมวกกันน็อก ประกอบกับเจ้าหน้าที่ต้องคอยดูแลและอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องชาวไทยมุสลิมในการประกอบศาสนกิจ

พล.ต.ต.มนัส ศิกษมัต ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า เชื่อว่าคนร้ายก่อเหตุสร้างสถานการณ์รายวัน เพียงแต่เปลี่ยนเป้าหมายและสถานที่ไปเรื่อยๆ คาดว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับวัยรุ่นชายที่ทิ้งระเบิดไว้ 5 ลูก แล้วขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปจอดไว้ริมแม่น้ำ ก่อนจะว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบทราบเจ้าของรถแล้ว และกำลังเร่งติดตามตัว

รายงานข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่า ก่อนหน้านี้มีการนำระเบิดชุดเดียวกันนี้เข้ามาในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลา ทั้งหมด 8 ลูก ระเบิดไปแล้ว 2 ลูก ยังเหลืออีก 6 ลูกที่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงที่อาจตกเป็นเป้าหมายอีก 2 อำเภอ คือ อ.จะนะ และ อ.นาทวี รวมถึงย่านเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลา ซึ่งระดับผู้บังคับบัญชาเน้นย้ำตำรวจในพื้นที่เฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ มีการเก็บลายนิ้วมือแฝงจากที่เกิดเหตุมาเทียบเคียงดีเอ็นเอ ควบคู่กับการหาข่าว ทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุวางระเบิด 2 จุด ของ จ.สงขลา เป็นกลุ่มของนายบูคอรี หลำโสะ แกนนำระดับสั่งการ ค่าหัว 300,000 บาท ที่รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนจังหวัดสงขลา ทั้งจะนะ เทพา นาทวี และสะบ้าย้อย

ส่วนผู้ต้องสงสัยที่นำระเบิดไปวางตู้เอทีเอ็มของธนาคารออมสิน หน้า อบต.บ้านโหนด อ.สะบ้าย้อย ทราบชื่อนายแวกอยี ตะเละ อายุ 28 ปี เป็นแนวร่วม RKK กลุ่มเดียวกับนายบูคอรี หลำโสะ ส่วนผู้วางระเบิดตู้เอทีเอ็มในปั๊มน้ำมันพื้นที่ อ.เทพา ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบกล้องวงจรปิด

ขณะที่การก่อเหตุครั้งนี้เชื่อเป็นการสั่งการของนายฮูไบดีละห์ รอมือลี แกนนำระดับปฏิบัติการ หลังจากได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าฝ่ายทหารของขบวนการบีอาร์เอ็น เคลื่อนไหวพื้นที่บกาบัง บันนังสตา ยะหา และธารโต แทนนายอิสมาแอ ระยะหลง หรืออุสตาดโซ๊ะ เพื่อแสดงศักยภาพ

ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ระบุว่า คนร้ายใช้โซเชียลมีเดียในการสั่งการ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปรับปรุงวิธีปฏิบัติงาน ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก

ถือเป็นข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง

แต่งหญิง-ลงมือคนเดียว

ขณะที่การสืบสวนคลี่คลายคดีของชุดปฏิบัติการโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ปัตตานี ที่เช็กภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้เคียงเหตุระเบิดทั้ง 10 จุด รวมทั้งสอบสวนพยานอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เพราะช่วงที่คนร้ายเอาระเบิดมาวางไว้ เป็นช่วงเวลาที่ยังมีประชาชนพลุกพล่าน ซึ่งจากพยานหลักฐานสามารถเชื่อมโยงกลุ่มคนร้าย กับแฟ้มประวัติด้านความมั่นคงที่มีอยู่เดิมแล้ว ทำให้สามารถรู้ตัวกลุ่มคนร้ายหลายราย

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั้ง 6 จุด ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี พบว่าคนร้ายเปลี่ยนยุทธวิธีในการเข้าก่อเหตุเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายแบบชุดดาวะห์ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปก่อเหตุเพียงคนเดียว

เพราะปกติกลุ่มคนร้ายจะเข้าไปก่อเหตุในแต่ละจุดไม่น้อยกว่า 2 คน คือคนขับรถจักรยานยนต์ คนซ้อนท้ายมีหน้าที่ไปวางระเบิด และคนดูต้นทาง โดยใช้รถจักรยานยนต์ 2 คันในการก่อเหตุ แต่จากการตรวจสอบทั้ง 6 จุด พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุมีเพียง 6 คน โดยกระจายกำลังเข้าก่อเหตุจุดละคนเท่านั้น เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจค้นเมื่อผ่านด่าน

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในแต่ละจุด ยังสามารถเชื่อมโยงกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ ว่ามีการรวมตัวและวางแผนในการก่อเหตุที่ใด เบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนร้ายดังกล่าวรวมตัวกันในสถานที่แห่งหนึ่งภายในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อวางแผนและส่งมอบวัตถุระเบิดนำไปก่อเหตุ ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่รู้แหล่งที่ซ่อนของคนร้าย

ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย และนำตัวไปสอบสวนขยายผลที่ศูนย์ซักถาม โดยในเบื้องต้นการสอบสวนได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี โดยเชื่อว่ามีกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นรวมตัวกันทั้งสมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่

อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อสังเกตที่ฝ่ายขบวนการไม่ลงมือก่อเหตุในช่วงรอมฎอนมาหลายปีนั้น นายอิสมาแอ อาลี อดีต ผอ.วิทยาลัยอิสลามศึกษา มอ.ปัตตานี ระบุว่า ยังไม่สามารถอธิบายได้ ปกติบางปีก็มีเกิดเหตุการณ์ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร

ทุกคนก็หวังว่าช่วงนี้เหตุการณ์น่าจะสงบ ไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นแต่ก็เกิดขึ้น เราก็ไม่ทราบ ไม่มีตรรกะ ไม่มีเหตุ จะเกิดก็เกิด

ไม่ว่าอย่างไร หากเหตุการณ์ไม่สงบ ผู้รับกรรมก็คือประชาชน