จริงตนาการ : อัปเปหิ “มวย” พ้นโอลิมปิก ฤ จะแค่เชือดไก่ให้ลิงดู

คอลัมน์เขย่าสนาม

มวยสากลสมัครเล่นกำลังเป็นกีฬาที่น่าเป็นห่วง เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “โทมัส บาค” ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ได้ออกมาพูดด้วยตัวเองว่ากีฬาชนิดนี้อาจจะถูกตัดออกจากโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะมีความกังขาในเรื่องความโปร่งใสมาอย่างยาวนาน

มวยสากลสมัครเล่นบรรจุในโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ในโอลิมปิกเกมส์ 1904 ที่มิสซูรี สหรัฐอเมริกา จนถึงรีโอเกมส์ ที่ประเทศบราซิล เมื่อปี 2016 รวมระยะเวลาก็ผ่านมาแล้วกว่า 100 ปี

มีเพียงครั้งเดียวที่ไม่มีกีฬานี้ คือ โอลิมปิกเกมส์ 1908 ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เนื่องจากกฎหมายของสวีเดนในยุคนั้นห้ามการต่อยมวย

ปัญหาหลักๆ ของกีฬามวยสากลสมัครเล่น อย่างแรกคือการบริหารงานของ “สหพันธ์มวยสากลนานาชาติ” (ไอบ้า) ที่มีความน่าสงสัยมาอย่างยาวนาน

ยิ่งการที่ ชิง กั๊วะ วู อดีตประธานไอบ้าชาวไต้หวันถูกบีบให้จนต้องลาออกจากตำแหน่งไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้ได้เห็นขยะใต้พรมมากมาย

 

ชิง กั๊วะ วู บริหารงานแบบเอาผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเองและพวกพ้องเป็นหลัก ละเมิดกฎต่างๆ ของสหพันธ์ ใช้อำนาจปลดคนที่คัดค้านความคิดเห็นของตัวเอง รวมทั้งบริหารงานจนไอบ้ามีหนี้สินถึง 500 กว่าล้านบาท

แต่ปัญหาที่สำคัญที่สุด คือ การตัดสินที่เป็นปัญหาอย่างหนักมาโดยตลอด

ไอโอซีได้กดดันให้ ชิง กั๊วะ วู ลาออกก่อนที่จะดำเนินการขั้นรุนแรงกว่านี้

สุดท้ายเจ้าตัวรู้ดีว่าอยู่ต่อไปก็คงเอาตัวเองไม่รอด จึงประกาศลาออกเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยอ้างว่าเพื่อเป็นประโยชน์สูงสุดของไอบ้าเอง แต่ก็แลกกับการที่จะไม่ถูกฟ้องดำเนินคดีความต่างๆ ที่ได้ทำไว้ก่อนหน้านี้

ถ้าย้อนกลับไปในรีโอเกมส์ มวยสากลสมัครเล่น รุ่นแบนตั้มเวต มีความน่ากังขาในการตัดสินอย่างมาก โดยเฉพาะรอบก่อนรองชนะเลิศที่ “ไมเคิล คอนลาน” แชมป์โลกชาวไอริช แพ้ให้กับ “วลาดิเมียร์ นิคิติน” จากรัสเซีย แบบที่นักชกรัสเซียถูกต่อยอย่างสะบักสะบอม

โดยก่อนหน้านั้น “สด” “ฉัตร์ชัย บุตรดี” นักชกชาวไทยก็แพ้นิคิติน ในรอบ 16 คนแบบน่ากังขาเช่นกัน เพราะสามารถต่อยได้ดีกว่าทุกยก แต่กรรมการกลับให้นักชกรัสเซียเอาชนะไปได้

โทมัส บาค กล่าวในการประชุมไอโอซีระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูหนาว 2018 ที่เมืองพยองชัง ประเทศเกาหลีใต้ว่า ไอโอซียังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใสการบริหารงานของบอร์ดไอบ้าอยู่ ถึงแม้ว่า ชิง กั๊วะ วู อดีตประธานจอมอื้อฉาวจะหลุดออกจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม

หลังจากที่คณะอนุกรรมการฝ่ายวินัยของไอโอซีได้เข้าไปตรวจสอบมาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เรื่องการเงิน ผู้ตัดสิน และการตรวจสารต้องห้ามก็ยังไม่เป็นที่พอใจ

เนื่องจาก “กาฟูร์ ราคิมอฟ” รักษาการประธานไอบ้าคนปัจจุบันก็ยังขาดความน่าเชื่อถือ เพราะถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับอาชญากรรมหลายคดี ถึงแม้จะยังไม่เคยถูกดำเนินคดีก็ตาม

ซึ่งจะขีดเส้นตายให้ไอบ้าเคลียร์ตัวเองในจุดบอดต่างๆ ภายในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้เท่านั้น

ถ้ายังไม่สามารถตอบปัญหาหรือแก้ไขปมฉาวนี้ได้ มวยสากลสมัครเล่นจะโดนเชือดไก่ให้ลิงดู ด้วยการถูกถอดออกจากกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ประเทศอาร์เจนตินา ในช่วงปลายปีนี้ก่อน

และอาจจะลุกลามไปจนถึงโอลิมปิกเกมส์ 2020 ด้วย

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไอโอซีก็ยุติการสนับสนุนงบประมาณต่างๆ ให้ไอบ้าเป็นการชั่วคราวแล้ว

 

ราคิมอฟซึ่งปัจจุบันเป็นประธานไอบ้านั้น มีวาระถึงเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น เพราะเป็นการเข้ามาขัดตาทัพเอาไว้ให้จบวาระ ก่อนจะเลือกตั้งครั้งใหม่ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมายอมรับว่า ความสัมพันธ์ของไอบ้ากับไอโอซีย่ำแย่มาเป็นเวลานาน มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับไอบ้าในหลายเรื่อง

สิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน คือ การสานสัมพันธ์อันดีกลับมา และปรับปรุงภาพลักษณ์ของไอบ้าในสายตาคนทั่วโลกให้โปร่งใสได้โดยไว ทั้งหมดเป็นความท้าทายและงานหินเลยทีเดียว

ถ้าไอโอซีประกาศตัดมวยสากลสมัครเล่นออกจากโอลิมปิกจริงๆ ผลกระทบกับโอกาสในการลุ้นเหรียญกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติของไทยจะเกิดขึ้นในทันที

เพราะมวยถือเป็นกีฬาความหวังหลักของไทยมาโดยตลอด 36 ปี มีเพียงครั้งล่าสุดที่บราซิลเท่านั้นที่พลาดไป

 

“บิ๊กจา” “พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์” เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ผู้คร่ำหวอดในกีฬาโลกแสดงความคิดเห็นว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของไอบ้า แต่ชาติสมาชิกต่างๆ ไม่ได้เข้าไปร่วมกระทำผิดด้วย การจะตัดกีฬานี้ออกไปมีผลต่อการลุ้นเหรียญของหลายประเทศ จึงอาจจะมีการเรียกร้องให้จัดแข่งขันต่อไป

ด้าน “เมาริซิโอ สุไลมาน” ประธาน “สภามวยโลก” (ดับเบิลยูบีซี) องค์กรมวยอาชีพยักษ์ใหญ่ของโลกได้ต่อต้านไอโอซีในการตัดมวยสากลสมัครเล่นออกจากโอลิมปิก โดยให้เหตุผลว่าเป็นกีฬาที่อยู่คู่กับกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติมาอย่างยาวนาน และไม่ยอมให้ปัญหาของคนใดคนหนึ่งมาส่งผลต่อวงกว้างขนาดนี้

ดับเบิลยูบีซีได้ทำแคมเปญ “Yes,to boxing In the olympic” เพื่อให้คนทั่วโลกเข้าไปลงชื่อสนับสนุนให้มวยสากลสมัครเล่นอยู่ในโอลิมปิกต่อไป

นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอความเห็นในการแก้ปัญหาความไม่โปร่งใสในการตัดสินออกมามากมาย โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วย อย่างที่เทควันโดใช้เกราะไฟฟ้าในการส่งสัญญาณการนับคะแนน จนรอดพ้นจากการถูกอัปเปหิจากโอลิมปิก เทคโนโลยีวีเออาร์ในฟุตบอล

หรือการให้ผู้ตัดสินดูภาพช้านำมาประกอบการตัดสินได้

ขึ้นอยู่กับว่าจะกล้าคิดกล้าทำหรือไม่ แม้จะมีคนท้วงว่าอาจต้องเสียเวลาและอรรถรสในการแข่งขัน แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์ที่ถูกต้องโดนทำลายไปเพราะการติดสินบนหรือความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยของผู้ตัดสินเอง

เพราะความผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็ทำให้นักมวยคนหนึ่งกลายเป็นผู้แพ้แทนที่จะเป็นฮีโร่ได้ในพริบตาเดียว

 

เมื่อดูกันตามความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่มวยสากลสมัครเล่นจะถูกตัดออกจากโตเกียว 2020 มีน้อยมาก เพราะเจ้าภาพได้เลือกชนิดกีฬาที่จะบรรจุไว้ล่วงหน้า 3 ปี ตอนนี้เหลือเวลาเพียง 2 ปีกว่าๆ ก็จะต้องแข่งขันกันแล้ว ญี่ปุ่นก็เตรียมการด้านต่างๆ รับรองไว้แล้วเช่นกัน

ว่ากันตรงๆ ครั้งนี้คงเป็นการบีบให้ไอบ้าสังคายนาตัวเอง ปรับเปลี่ยนการตัดสินให้ชัดเจนมากขึ้น เขี่ยผู้ตัดสินเน่าๆ ออกจากวงการ ที่สำคัญมองความสนุกและศักดิ์ศรีของมวยสากลสมัครเล่นมากกว่าเม็ดเงินที่จะเข้ากระเป๋าของตัวเอง

แต่ก็น่าคิดว่าถ้ามวยสากลสมัครเล่นถูกถอดออกไปได้ โอกาสที่มวยไทยซึ่งกำลังช่วยกันผลักดันให้บรรจุเข้าไปในโอลิมปิกเกมส์นั้นจะถูกบั่นทอนโอกาสไปด้วยหรือไม่ เพราะเป็นกีฬาที่มีความคล้ายคลึงกัน

หวังว่าไอบ้าจะจัดการเขี่ยพวกไอ้บ้าทั้งหลายออกจากองคาพยพให้ไวที่สุด เพื่อให้มวยสากลสมัครเล่นยังรักษาสถานภาพ “โอลิมปิกสปอร์ต” อย่างต่อเนื่องออกไปอีกเรื่อยๆ และเพิ่มความหวังให้กับวงการกีฬาไทยในการลุ้นเหรียญในโตเกียว 2020 เอาไว้ด้วย

ขอร้องด้วยใจจริง